มีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติจะมีราคาแพงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะว่าเจ้าของสามารถเอารถไปใช้หารายได้ด้วยการให้รถออกไปรับส่งผู้โดยสารด้วยตัวเอง ในตอนที่เจ้าของไม่ได้ใช้งาน
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา แสดงความคิดเห็นว่าในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติจะมีราคาแพงขึ้นอีกหลายเท่า เนื่องจากผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถให้รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติออกไปหารายได้พิเศษ ในตอนที่ตัวเองไม่ได้ใช้รถ ด้วยการออกไปรับส่งผู้โดยสาร โดยที่เจ้าของไม่ต้องขับรถด้วยตัวเอง แต่ให้ระบบขับขี่อัตโนมัติทำทุกอย่างแทนทั้งหมด ซึ่งมัสก์เรียกรถยนต์ที่ให้บริการแบบนี้ว่า โรโบแท็กซี่ พร้อมประเมินว่า โรโบแท็กซี่ 1 คัน สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 30,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 920,000 บาท และรถหนึ่งคันจะมีอายุใช้งานเฉลี่ย 11 ปี เท่ากับว่ารถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติหนึ่งคันจะสามารถสร้างรายได้ทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท ตลอดอายุการใช้งาน
นอกจากนี้ มัสก์ยังอธิบายว่าเมื่อระบบขับขี่รถยนต์อัตโนมัติมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น คนทั่วไปจะมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อรถยนต์ของตัวเองน้อยลง และจะหันมาใช้บริการของโรโบแท็กซี่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาของรถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติแพงขึ้นอีกหลายเท่า ขณะที่ราคาของรถยนต์ทั่วไปที่ไม่มีระบบขับขี่อัตโนมัติจะไม่สูงขึ้นมาก
ขณะนี้ ระบบ Autopilot ของเทสลา สามารถขับขี่ด้วยตัวเองได้เพียงบางเวลา เช่น เมื่อรถวิ่งอยู่บนฟรีเวย์ หรือบนถนนที่การจราจรไม่คับคั่งมากเกินไป ซึ่งเทสลากำลังพัฒนาระบบ Full Self Driving หรือ FSD ที่รถยนต์จะสามารถขับขี่ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด นับตั้งแต่ตอนสตาร์ตรถ ไปจนถึงตอนจอดรถเมื่อถึงที่หมาย เพื่อให้เข้าใกล้การขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบในอนาคต