“ลุงมิ่ง” ไม่ทิ้งลีลา ยืนอภิปรายฝั่งฝ่ายค้าน วิจารณ์ยับ! ที่รัฐบาล “ประยุทธ์” ต้องกู้เป็นล้านล้าน เพราะทีมเศรษฐกิจ (ที่ “ประยุทธ์” เป็นหัวหน้าทีม) บริหารห่วยแตก! ทำงบกลางที่มีราว 5 แสนล้าน ละเลงไปจดหมด พร้อมจี้ รัฐบาล “ถามตัวเอง..ว่าสมควรอยู่บนแผ่นดินนี้หรือไม่” ...
แอดว่า ลุงมิ่งจัดได้เจ็บมาก แต่ “ลุงอีกคน” ก็ยังเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร
การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.ก. 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท วันที่ 4 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายโดยชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่ประเทศต้องมีการกู้เงิน 1.9 ล้านล้าน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ระบุว่า การทำงานแก้โควิด-19 ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นค่อนข้างสับสน จนชาวบ้านไม่พอใจ แต่ก็ยังดีที่รัฐบาลยังกลับตัวทัน สามารถป้องกันโควิดได้ดี ในตอนนี้
นายมิ่งขวัญ มั่นใจว่าจีดีพี ปีนี้ ไม่มีทางเป็นบวก ซึ่งก็คงเป็นเช่นนี้ ไปทั่วโลก พร้อมชี้ให้เห็นว่า ทำไมรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลที่แจกเงิน แต่ถูกต่อว่า เพราะดันไปเชื่อทฤษฎีฝรั่ง คือ โครงการ "ชิมช้อปใช้" ซึ่งเป็นการเอาเงินของรัฐบาล ไปเทใส่กระเป๋าเจ้าสัว ถ้าตอนนั้นเอาเงินก้อนนี้มาใช้ในตอนนี้ ที่ประเทศเจอโควิด ประชาชนที่อดอยากตอนนี้ อาจจะดีมากกว่านี้ แล้วเรื่อง งบกลาง ถูกใช้ไป 5 แสนล้าน ก็ใช้หมดแล้ว ขอตำหนิ อย่างรุนแรง ว่ามี ฝืมือบริหาร ห่วยแตก งบกลาง 5 แสนล้าน 2-3 เดือนใช้หมดแล้ว
รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลเดียวที่แจกเงินแล้วโดนด่า เพราะ พ่อแม่ ผู้สูงวัยเขาก็ไม่รู้เรื่องลงทะเบียนอะไรไม่เป็น ก็ให้ลูกหลานไปลงทะเบียนให้ เพราะคนแก่เขาไม่รู้เรื่อง ต้องไปลงทะเบียน เอไอ ทำไมต้องไป 4.0 ทำไมไม่ใช้ ผู้ว่าฯ-นายอำเภอ-อสม. ในหมู่บ้านหนึ่ง เขาก็รู้ว่า ใครยากจน-ใครเป็นหนี้ ทำไมไม่ให้คนเหล่านี้ช่วย
นายมิ่งขวัญ ยังเห็นด้วย กับการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ตรวจสอบการใช้งบประมาณ และขอให้ประชาชนจับตาการใช้เงินของรัฐบาล อย่าเหมารวมการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวก่อนหน้านี้ แล้วเอาเงินก้อนนี้ไปโปะ
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภา และตอบโต้นายมิ่งขวัญ ยืนยัน ไม่ได้ทำเศรษฐกิจพัง แล้วจะต้องมากู้เงิน พร้อมทั้งยกเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้วมาเปรียบเทียบ และย้ำว่าหนี้สาธารณะขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดให้กู้เงินเพิ่มเติม เพื่อมาลงทุน พัฒนา และแก้ปัญหาประเทศได้ แต่หากไม่มีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ก็คงไม่มีการกู้เงินตัวนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นเหตุที่คาดไม่ถึง
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า รัฐบาลนี้แก้ปัญหาแบบจริงใจ และไม่มักง่าย แม้หลายฝ่ายกังวลว่า จะมีการทุจริตจากงบประมาณ ขอถามกลับว่า รู้ได้อย่างไรว่าจะทุจริต เพราะทุกวันนี้มีหลายองค์กร และ หน่วยงานที่จะตรวจสอบ อาทิ ปปช. ปปง. หรือ กี่ ป. ก็จี้ทุกอัน เพื่อตรวจสอบรัฐบาล ที่ผ่านมา พบว่า มีปัญหาทุจริตมาก ไม่ใช่เพราะมีการทุจริตมากขึ้น แต่เพราะมีเรื่องที่นำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบมากกว่าที่ผ่านมา