เคต ฮัดสัน นำเทรนด์คุณแม่ยุคใหม่ ตั้งใจ 'ไม่เลือกเพศ' ให้กับลูกสาวคนล่าสุด พร้อมกล่าวว่ายังไม่มีใครรู้ว่าลูกสาวของเธอต้องการนิยามตัวเองเช่นไร
หลังจากที่ เคต ฮัดสัน นักแสดงชื่อดังจากฮอลลีวูดได้ให้กำเนิด 'รานี โรส ฮัดสัน' ลูกสาวคนแรกของเธอกับแฟนหนุ่ม แดนนี ฟูจิคาวะ เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา หลังเขาทั้งสองคนได้ประกาศข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์เมื่อเดือนเมษายน ล่าสุด เคตได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟน ๆ และเหล่าคนในวงการบันเทิงไม่ใช่น้อย เมื่อเธอได้ไปให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ AOL เกี่ยวกับประเด็นการเลือกเพศให้กับลูกสาวของเธอ
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เคตกล่าวว่า การเลี้ยงลูกสาวมีความแตกต่างกับการเลี้ยงลูกชายพอสมควร โดยก่อนหน้านี้ เคตเคยมีลูกชายคนแรกกับคริส โรบินสัน นักร้องนำวงร็อก เดอะ แบล็ก โครว์ส ช่วงปี 2000 โดยทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันคือ ไรเดอร์ รัสเซลล์ โรบินสัน และหลังจากนั้นในปี 2011 เคตได้มีลูกชายอีกหนึ่งคนคือ บิงแฮม ฮอว์น เบลลามี ขณะที่ เธอได้คบหากับแมตต์ เบลลามี นักร้องนำวง Muse รานี โรส ฮัดสัน ลูกคนที่ 3 และลูกสาวคนแรกของเธอ
ความน่าสนใจของวิธีการเลี้ยงลูกในครั้งนี้ของเธอคือการใช้วิธีเลี้ยงแบบ 'ไร้เพศ' โดยเคตชี้ว่า ขณะนี้ลูกสาวของเธอมีความเป็นผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออก พฤติกรรม หรือการใช้น้ำเสียงแบบเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่เธอต้องการเลี้ยงลูกในแบบที่เขาต้องการจะเป็นโดยไม่ต้องตีกรอบเรื่องเพศไว้ตั้งแต่แรก
กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติมากในยุคปัจจุบัน เพราะขณะนี้มีครอบครัวชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่หันมาเลี้ยงลูกแบบไม่จำกัดเพศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากเว็บไซต์ Nameberry ได้เคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไว้กับรายการ Good Morning America ไว้ด้วยว่าปัจจุบันความนิยมในการเลือกชื่อลูกที่ไม่ระบุเพศเริ่มมีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เว็บไซต์ Nameberry คือศูนย์รวมชื่อสำหรับเด็กที่รวบรวมชื่อพร้อมความหมายมากกว่า 70,000 ชื่อ พร้อมทั้งที่มาและความสำคัญของชื่อต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ภายในเว็บไซต์จะมีการบอกชื่อที่เป็นที่นิยมสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงในแต่ละเดือนเอาไว้อีกด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Nameberry ระบุว่าการตั้งชื่อลูกแบบไม่ระบุเพศกำลังเป็นเทรนด์ที่ฮอตฮิตมากของพ่อแม่ยุคใหม่ที่ไม่ต้องการสร้างกรอบเรื่องเพศให้กับลูก และต้องการสร้างความเป็นกลางทางเพศให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แพม เซแทรน ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Nameberry กล่าวกับรายการ Good Morning America ว่า สิ่งที่สำคัญที่คนทั่วไปต้องเข้าในก็คือ พ่อแม่ที่มีความคิดอยากมอบความเป็นกลางทางเพศให้กับลุกเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวของพวกเขาทำตัวเหมือนเด็กผู้ชาย และก็ไม่ได้มีความต้องการให้ลูกชายทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงแต่อย่างใด หากแต่เป็นความต้องการที่จะตั้งชื่อกลาง ๆ เพื่อให้ลูกของพวกเขาเอาชนะการถูกตีกรอบเรื่องเพศด้วยการถูกบังคับให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจากชื่อที่พ่อแม่มอบให้เท่านั้น
แพมยังกล่าวอีกด้วยว่าชื่อใหม่ ๆ ที่มีความเป็นกลางทางเพศและวิธีคิดในการเลี้ยงลูกแบบใหม่ที่ถูกแชร์ในเว็บไซต์ของเธอนั้นคือวิธีการหลีกเลี่ยงความคิดแบบเดิม ๆ ในการเลี้ยงลูกว่าเด็กมีเพียงสองอย่างเท่านั้น นั่นคือความเป็นหญิงและความเป็นชาย ซึ่งความน่าสนใจก็แนวคิดนี้ก็คือชื่อที่ถูกมอบให้กับเด็กไม่สามารถบ่งบอกได้เลยว่านี่คือชื่อของเด็กหญิงหรือเด็กชาย
แพมยกตัวอย่างหนึ่งในหลายชื่อที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ 'จัสทิส' ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายว่า 'ความเป็นธรรม' ซึ่งเป็นชื่อที่เมื่อถูกเรียกแล้วไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นเพศชายหรือเพศหญิงเลย และสามารถลื่นไหลไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นกลางทางเพศของชื่อเฉพาะได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างของชื่อที่มีความเป็นกลางทางเพศที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด 10 อันดับได้แก่ ไบรเออร์ แคมเบล ฟินลีย์ เจอร์นีย์ จัสทิส เลคเคน เรฟเวิล รอบบิน รอยยัล และสตอรี จะเห็นได้ชัดว่าชื่อเหล่านี้มีความแตกต่างกับชื่อนับร้อยพันที่ถูกใช้กันมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักมีความเฉพาะเจาะจงในการแบ่งแยกทางเพศออกเป็นสองขั้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
