วันที่ 16 พ.ค. 2565 สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (อิสระ) เบอร์ 3 ขณะลงพื้นที่ตลาดเอี่ยมสมบัติ เขตสวนหลวง ได้กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. ว่า ตอนนี้ในส่วนของตนและทีมงานคิดว่าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว พยายามหาเสียงในทุกช่องทาง ทั้งการลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนโดยตรง ได้พูดคุย รับรู้ปัญหา และสำรวจพื้นที่ว่าจุดใดพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นได้อีก จากที่เคยพยายามทำมาแล้วตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ รวมถึงการใช้ช่องทางการหาเสียงอื่นๆ ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อโซเชียลต่างๆ หรือการขึ้นเวทีดีเบตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม สกลธี ยอมรับว่าการหาเสียงในยุคนี้วิธีการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการโจมตีกันทางสื่อโซเชียล การสร้างเฟกนิวส์ หรือการใช้ไอโอเข้ามาดิสเครดิต ซึ่งในส่วนของตนนั้นก็มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่เสื่อมเสีย จะมีประเด็นที่ถูกนำมาใช้ก็มีเพียงเรื่องของการที่เคยเป็นแกนนำ กปปส. ที่ตนไม่เคยปิดบัง และยังยึดมั่นในอุดมการณ์ และไม่เคยกลับไปลบอดีตจากการที่เคยเขียนโพสต์อะไรต่างๆ ดังนั้นจึงไม่ได้กังวล
“ตอนนี้ก็มีไอโอเยอะมาก เชียร์กันทุกเบอร์ทุกฝ่าย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าใครทำอะไรบ้าง อย่างของผมเคยโดนแกล้ง เคยมีของผมครั้งหนึ่งที่เข้ามาในทำนองเข้าไปด่าคนอื่นบนช่องทางของผม ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก แต่ผมว่าคนที่ดูเขามีวิจารณญาณในการดูอยู่แล้ว อย่างผมก็ลองเข้าไปคลิกดู บางคนก็ดูแล้วไม่มีประวัติอะไรเลย มีคนเป็นเพื่อนอยู่สามคนแบบนี้มันก็เป็นวิธีการหาเสียงของยุคสมัยนี้” สกลธี กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีคนดังเข้ามาประกาศสนับสนุนหลายคน ร่วมถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ด้วย จะมีผลต่อคะแนนนิยมหรือไม่ สกลธี กล่าวว่า สุเทพ เปรียบเสมือนอาจารย์ของตนตั้งแต่สมัยอยู่ประชาธิปัตย์ และเอ็นดูตนมาตั้งแต่ต้นซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่เอ็นดูจะเป็นเรื่องที่แปลก อย่างไรก็ตามกระแสก็จะมีสองมุมอยู่แล้วทั้งกลุ่มสนับสนุนและไม่สนับสนุนจึงถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ขณะที่กลุ่มคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ที่ออกมาสนับสนุนนั้นก็รู้สึกขอบคุณ และยอมรับว่ามีส่วนที่จะโน้มน้าวให้คนมาเลือกได้เช่นกัน และเป็นจุดเปลี่ยนได้
“สำหรับความรู้สึกตอนนี้คือถึงแม้จะเหนื่อย แต่ก็สนุกมากที่ได้พบกับพี่น้องประชาชนอีกครั้ง จำได้ว่าการเดินหาเสียงครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2554 เป็นสิบปีแล้ว เหนื่อยหน่อยแต่ก็รู้สึกดี เมื่อก่อนผมก็เดินหาเสียงเฉยๆ เป็น ส.ส.เหมือนเป็นลูกทีมของพรรค แต่ตอนนี้เรามาเป็นหัวเอง นับจากวันนั้นก็เดินมาไกลพอสมควร ก็หวังว่าคนกรุงเทพฯ จะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง” สกลธี กล่าว