ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ย้ำไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิดแล้ว เผยไทม์ไลน์ได้วัคซีนทุกเดือนจนถึงสิ้นปีรวม 63 ล้านโดสกระจายทั่วประเทศ สั่งกต.-สธ. ประสานงานรับรองฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบการเดินทางระหว่างประเทศ ปัดกักตุนวัคซีนแจกให้วีไอพีก่อน พร้อมไฟเขียววัคซีนล็อตสอง ฉีดให้ได้ 60% ของประเทศ

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า ตอนนี้ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว มีการกระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงก่อน เพื่อฉีดให้กับหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานแนวหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามแผนฉีดวัคซีนของเราครับ เดือนนี้ และเดือนต่อๆ ไปเราจะได้วัคซีนเข้ามาทุกเดือน จนถึงสิ้นปีรวม 63 ล้านโดสกระจายไปได้ทั่วประเทศ และฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้น

“ผมได้รับรายงานว่า ทุกคนที่ฉีดไปแล้ว สบายดีครับ ยังไม่มีใครแพ้หรือมีผลข้างเคียง นอกจาก 63 ล้านโดสที่จองซื้อไปแล้วและกำลังทยอยมา เรากำลังหาวัคซีนมาเพิ่ม เพื่อฉีดให้ได้ทุกคน หรือครอบคลุมให้ได้มากที่สุด อาจจะเป็นวัคซีนตัวเดียวกันหรือวัคซีนใหม่ที่ผ่านการรับรองแล้ว เราดูทุกตัวโดยพิจารณาความเหมาะสมทุกๆ ด้าน”

วัคซีนที่เราฉีดกันอยู่ตอนนี้คือ ซิโนแวค จากจีน ซึ่งหลายๆ ประเทศก็ได้ฉีดไปแล้วเช่นกัน วัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่ยังไม่มีผลการทดลองที่มากพอในกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เราจึงได้รับคำแนะนำว่า อย่าเพิ่งฉีดให้คนที่มีอายุเกิน 60 ปี รอผลการทดลองอีกสักหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปลอดภัยหรือไม่ วัคซีนทุกตัวที่ใช้ได้รับการรับรองความปลอดภัย และรับรองว่าได้ผล

นายกฯ ย้ำว่า “ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายท่าน ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว ส่วนผมนั้น คุณหมอแนะนำให้ฉีดวัคซีนของแอสตรา เซเนกา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ แต่แอสตรา เซเนกาที่เราได้มา 1.1 แสนโดสยังอยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน รับรองจาก อย. ก็ต้องรอก่อน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานก็จะเรียบร้อย ผมจะไปฉีดก่อนก็ไม่ได้นะครับ ทั้งคนสั่งให้ฉีด และคนฉีดให้ก็จะผิดกฎหมาย”

นายกฯ ระบุว่า “ที่เราทำควบคู่กันไป ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข ทำการศึกษาและประสานงานเรื่อง การรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบการเดินทางระหว่างประเทศอยู่ เรื่องนี้ในระดับนานาชาติ ก็ยังไม่มีข้อยุติอย่างเป็นทางการนะครับ มีทั้งที่อยากให้มีและที่ท้วงติงว่าเร็วเกินไป ขอให้รอดูอีกสักระยะว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากน้อยแค่ไหน คนในประเทศเดียวกันเองก็ยังเห็นไม่ตรงกัน ผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวก็อยากให้มีการรับรองเร็วๆ แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่แน่ใจ”

“อย่างไรก็ดี ผมได้สั่งการไปแล้ว ให้ลงมือศึกษา เตรียมพร้อมไว้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องไปพร้อมกับประเทศอื่นๆด้วย สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จะมีใบรับรองการฉีดวัคซีนให้ คงเหมือนกับใบรับรองการฉีดวัคซีนเวลาไปต่างประเทศ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยใช้กัน ยกเว้นคนที่จะไปทำงาน หรือไปเรียนต่อ หรือไปประเทศที่เขากำหนดว่า ต้องมีใบรับรองว่าฉีดวัคซีนป้องกันโรคเฉพาะบางโรค เรื่องนี้ทำกันมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่”

นายกฯ ระบุว่า “ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า แม้เราจะดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่เราก็ต้องไม่ละเลยที่จะป้องกันตัวเอง ที่ผ่านมาเราก็ประสบความสำเร็จด้วยดี หน้ากากอนามัยยังเป็นอุปกรณ์สำคัญ อย่าลืมเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นดูแลให้ตัวเองปลอดภัยอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขอบคุณครับ”

นายกฯ ยันไม่มีกักตุนวัคซีนให้วีไอพี

ต่อมา ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.)กลาโหม กล่าวถึง การเปิดเผยในสื่อออนไลน์ กรณีการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ที่กระจายไปในแต่ละจังหวัด แล้วปรากฏว่ามีการกักตุนวัคซีนไว้ ให้สำหรับบุคคลระดับวีไอพี ของแต่ละจังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้มีนโนบาย จะต้องฉีดให้กับบุคลากรทางแพทย์ก่อน ยืนยัน ไม่ได้มีนโยบายให้เก็บหรือกักตุนวัคซีน โควิด-19 ไว้ให้กับใคร แต่ทั้งนี้ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้การฉีควัคซีนนั้น เป็นไปตามแผนที่กำหนด ตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่

โดยเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ขอไปดูรายละเอียดอีกครั้ง เพราะตนเองไม่ได้สั่งการเช่นนี้ และทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ยืนยันมาแล้ว ว่าไม่เคยสั่งแบบนี้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของกรรมการกระจายวัคซีนประจำจังหวัด ที่จะต้องดำเนินการกระจายวัคซีนด้วยความเป็นธรรม ตามที่กำหนดไว้แล้ว ซึ่งเราต้องดูแลประชาชนไปด้วย รวมถึงผู้มีกลุ่มเสี่ยง อย่างบุคคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ท่องเที่ยว 

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ในช่วงแรกจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะวันนี้วัคซีน มีมาในจำนวนจำกัด แต่ในระยะต่อไปก็จะดีขึ้นเอง ขณะเดียวกัน วันนี้ได้อนุมัติงบประมาณในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ล็อต 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะฉีดให้ครบ 60% ของคนในประเทศ 

ทั้งนี้ ก็ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการจัดหาและฉีดวัคซีน การดำเนินการอะไรก็ตามเป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดที่จะต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมให้ได้มากที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้การฉีดวัคซีนครั้งแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณทุกคนที่เสียสละในครั้งนี้