“เราจะต้องบรรลุจุดประสงค์ของเรา มันไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยเลย” ปูตินระบุกับคนงานในฐานอวกาศวอสโตชนี บริเวณทางตะวันออกของรัสเซีย ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นต่อสงครามยูเครนในที่สาธารณะครั้งแรก นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียทำก่อนถอนทัพออกจากรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือของยูเครนเมื่อสัปดาห์ก่อน
การถอนทัพของรัสเซียออกจากรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือทำให้ยูเครนและชาติตะวันตกประกาศว่า ยูเครนมีชัยชนะในสมรภูมิทางตะวันตกและตอนเหนือของประเทศ แสดงให้เห็นถึงภาพของความล้มเหลวของรัสเซียในการเข้ายึดเมืองหลวงยูเครน และโค่นล้มรัฐบาลของ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบยูเครน ทั้งๆ ที่แผนการเดิมของรัสเซียนี้คาดว่าอาจใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์
“เป้าหมายของเราชัดเจนและสูงส่งที่สุด” ปูตินกล่าวขณะมีที่มี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเผด็จการเบลารุสที่กำลังเดินทางเยือนรัสเซีย ในการฉลองครบรอบ 61 ปี นักบินอวกาศของสหภาพโซเวียตอย่าง ยูริ กาการิน มนุษย์ที่สามารถขึ้นไปสู่อวกาศได้เป็นคนแรกของโลกสำเร็จ
การปรากฏตัวและแสดงความเห็นในครั้งนี้ของปูติน เป็นการปรากฏตัวครั้งที่สองนับตั้งแต่พิธีศพของ วลาดิเมียร์ ชิรินอฟสกี นักการเมืองฝ่ายขวาจัดของรัสเซียที่เสียชีวิตลง ในขณะที่ปูตินเองไม่กล่าวอะไรใดๆ ถึงสงครามในยูเครนโดยตรง และพยายามหนีห่างออกจากสาธารณะมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผิดกันกับช่วงแรกของสงครามที่ปูตินปรากฏตัวออกหน้าโทรทัศน์ของรัสเซียแทบจะรายวัน
หลังจากนั้น ปูตินได้พูดผ่านทางโทรทัศน์พร้อมปฏิเสธภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาของยูเครน สถานที่ที่กองทัพรัสเซียทำการฆ่าสังหารหมู่ชาวเมืองอย่างโหดเหี้ยมจนมีผู้เสียชีวิตกว่าหลายร้อยราย ทั้งนี้ ประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพปลอม ไม่ต่างอะไรไปจากภาพปลอมที่ตะวันตกใส่ร้ายว่ามีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
“มันเป็นของปลอมแบบเดียวกันในบูชา” ปูตินเปรียบภาพของบูชากับซีเรีย อย่างไรก็ดี ไม่มีความชัดเจนว่าปูตินพยายามบอกว่าภาพของพลเรือนที่ตายลงในบูชาเป็นภาพปลอมจากการจัดฉาก หรือการฆ่าสังหารโดยกองทัพยูเครนเอง ทั้งนี้ ข้ออ้างทั้งสองได้รับการโหมโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนักจากสื่อของทางการรัสเซีย นอกจากนี้ ลูคาเชนโกยังได้อ้างว่าความทารุณโหดร้ายในบูชาเกิดขึ้นจาก “ปฏิบัติการพิเศษของสหราชอาณาจักร” โดยลูคาเชนโกไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวอ้างของตนแต่อย่างใด
ที่มา: