ดีมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซีย “จับประชาชนเป็นตัวประกันเอาไว้กว่า 400,000 ราย” ในเมืองมารีอูปอล ในขณะที่ประชาชนนับแสนๆ รายถูกตัดขาดออกจากพลังงาน ความร้อน น้ำ และสัญญาณโทรศัพท์มาร่วมสัปดาห์แล้ว
ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียได้ทำการทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแม่และเด็กของเมืองมารีอูปอล โดย โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนประณามการกรทำในครั้งนี้ของรัสเซีย พร้อมกล่าวว่า “โรงพยาบาลของเด็ก แผนกสูติกรรม สหพันธรัฐรัสเซียคุกคามกันเช่นนี้ได้อย่างไร สหพันธรัฐรัสเซียหวาดกลัวโรงพยาบาล แผนกสูติกรรม จนต้องทำลายมันหรอกหรือ”
“โรงพยาบาลและโรงเรียนถูกทำลาย โบสถ์และอาคารธรรมดาถูกทำลาย ผู้คนถูกฆ่า เด็กถูกฆ่า การทิ้งระเบิดทางอากาศใส่โรงพยาบาลเด็กคือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นที่ยูเครน” เซเลนสกีระบุ
มีการออกคำเตือนจากฝั่งตะวันตกว่า รัสเซียอาจใช้วิธีการโจมตียูเครนที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรัสเซียไม่สามารถเข้ายึดยูเครนได้ตามแผน ทั้งนี้ การทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแม่และเด็กโดยรัสเซียส่งผลให้ตัวอาคารของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งหมายรวมถึงเตียง 600 เตียง ในแผนกสูติกรรมของโรงพยาบาลที่ได้รับความเสียหาย “อย่างหนัก” นอกจากนี้ ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการทิ้งระเบิดใส่โรงพยาลอย่างน้อย 17 ราย รวมถึงหญิงที่กำลังคลอดบุตรด้วย
เซอร์เก ออร์ลอฟ รองนายกเทศมนตรีของเมืองมารีอุปอลระบุว่า มีประชาชนแล้วอย่างน้อย 1,170 รายที่เสียชีวิตลงจากการโจมตีของรัสเซีย รวมถึง 47 ราย ที่ได้รับการฝังแบบหมู่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 มี.ค.) ทั้งนี้ ออร์ลอฟระบุว่า รัสเซียเลือกใช้วิธิการแบบ “ยุคกลาง” ในการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การโจมตีดังกล่าวไม่ใช่เป็นเพียงแค่การทรยศ มันคืออาชญากรรมสงคราม พวกเขากำลังโจมตีเราทางอากาศ สาดกระสุน และยิงจรวดหลายหัว”
สภากาชาดระบุถึงการโจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กในครั้งนี้ว่าเป็นเสมือน “วันสิ้นโลก” ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรียูเครนอย่าง อีร์นา เวเรสชุก ระบุว่าสถานการณ์ในตอนนี้คือ “ความหายนะ” นอกจากนี้ เซเลนสกียังได้เปรียบเทียบการโจมตีโรงพยาบาลโดยรัสเซียในครั้งนี้ว่าไม่ต่างอะไรไปจากความสิ้นหวังและความเจ็บปวดที่ถูกทำโดยฝีมือของพวกนาซี
ที่มา:
https://apnews.com/article/russia-ukraine-kyiv-europe-2bed71c00916d44ea951c5809b446db3