ต่างประเทศ
รวบทหารรัสเซียในคาร์คีฟ หลังซ่อนตัวหนี จนท.ยูเครนนาน 6 เดือน
รายงานระบุว่า ทหารรัสเซียนายนี้มีอายุ 42 ปี และเป็นกำลังพลจากกองพลปืนเล็กยาวของหน่วยยามเฉพาะกิจที่ 27 ของรัสเซีย ทั้งนี้ เขาถูกควบคุมตัวได้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.) ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำพื้นที่คาร์คีฟ กำลังลาดตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขตคูเปียนสก์-วูซโลยี
“หลังจากที่เขาถูกตรวจค้น มันกลับกลายเป็นว่าชายผู้นี้มาจากพื้นที่มอสโก โดยเขาเป็นทหารของกองพลปืนเล็กยาวของหน่วยยามเฉพาะกิจที่ 27 ของสหพันธรัฐรัสเซีย” ตำรวจยูเครนระบุในแถลงการณ์ “ผู้ต้องสงสัยอ้างว่า เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่การปลดปล่อยเขตคูเปียนสก์โดยกองกำลังติดอาวุธของยูเครน”
ทหารรัสเซียรายดังกล่าวแต่งกายด้วยชุดพลเรือน และเป็นที่เห็นได้ชัดว่าเขาพลัดออกจากกองกำลังสังกัดของเขา ขณะที่พวกเขาหลบหนีการตอบโต้ของยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าเขาสามารถซ่อนตัวได้อย่างไรในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การล่าถอยของรัสเซียออกจากพื้นที่ของยูเครน ทั้งนี้ การตอบโต้อย่างกะทันหันของยูเครนในภูมิภาคคาร์คีฟเมื่อปีก่อน เกิดขึ้นในขณะที่กองกำลังรัสเซียเผชิญการโจมตีทางตอนใต้เช่นกัน
ในช่วงเวลาไม่กี่วัน ยูเครนได้ขับไล่รัสเซียออกจากพื้นที่กว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร และรวมการควบคุมเหนือพื้นที่คาร์คีฟ กองกำลังยูเครนสามารถเชิญธงชาติของพวกเขากลับไปตามเมืองและหมู่บ้าน ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียยึดครองเป็นเวลา 6 เดือน และถูกยึดไปนับตั้งแต่วันแรกที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งการรุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. 2565
ไม่นานหลังจากการปลดปล่อยพื้นที่คาร์คีฟ ทางการยูเครนได้ดำเนินการค้นหาตามบ้านแบบหลังต่อหลังครั้งใหญ่ เพื่อหาตัวทหารรัสเซียที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หรือผู้ที่ยังคงรอการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ก่อวินาศกรรมจากรัสเซีย
ในวันจันทร์ โอเล็กซานดร์ โปรกูดิน หัวหน้าฝ่ายบริหารการทหารประจำภูมิภาคเคอร์ซอน กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มแทรกแซงทางทหารของรัสเซียอยู่ในพื้นที่ และประกาศเคอร์ฟิวที่เข้มงวดขึ้นในเมือง ซึ่งเวลาดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ถึง 18.30 น. เพื่อป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน ในขณะที่ทหารและตำรวจกำลังตามล่าผู้บุกรุกชาวรัสเซีย”
“โปรดปฏิบัติต่อสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ” โปรกูดินกล่าวเสริม “โปรดสงบสติอารมณ์และช่วยเหลือกองกำลังป้องกันกำจัดกองกำลังรัสเซีย''
ที่มา:
