เจเรมี เฟลมมิ่ง ผู้อำนวยการหน่วยสายลับ GCHQ ระบุเพื่อบ่งชี้ว่า ทหารรัสเซียกำลังขาดแคลนเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ และผลประโยชน์ขั้นต้นของรัสเซีย กำลังย้อนกลับไปในอีกทิศทางหนึ่ง “จากความห่างไกลจากชัยชนะของกองทัพรัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาพ่นออกมา เป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำที่กล้าหาญของยูเครนในสนามรบ และในพื้นที่ไซเบอร์กำลังพลิกกระแส” รายงานของเฟลมมิ่งระบุ
เมื่อพูดไปถึงตัวประธานาธิบดีรัสเซียโดยตรง เฟลมมิ่งเตรียมกล่าวว่า “ด้วยความท้าทายภายในที่มีประสิทธิภาพเพียงเล็กน้อย การตัดสินใจของเขา (ปูติน) ได้รับการพิสูจน์ว่ามีข้อบกพร่อง” และปูตินมีส่วนร่วมใน “กลยุทธ์อันมีเดิมพันสูง ที่นำไปสู่ข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ในการตัดสินใจ”
เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.) ปูตินได้สั่งยิงขีปนาวุธจำนวนมากใส่กรุงเคียฟของยูเครน และศูนย์กลางสำคัญต่างๆ ของเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย ซึ่งปูตินระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นไปเพื่อการตอบโต้เหตุระเบิดสะพานไครเมีย ซึ่งปูตินได้ออกมากล่าวหาในก่อนหน้านี้ว่าเป็นฝีมือของยูเครน อย่างไรก็ดี ทางการยูเครนไม่เคยออกมายอมรับว่าตนอยู่เบื้องหลังการโจมตีสะพานไครเมีย และมีการรายงานจากยูเครนว่า รัสเซียเตรียมการโจมตีกรุงเคียฟมาตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
หน่วยสืบราชการลับของตะวันตกได้เน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปในก่อนหน้านี้ว่า ปูตินมีการจัดการการรบส่วนย่อย ในการดำเนินการของกองกำลังรัสเซียในสงครามยูเครนตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ที่บ่งชี้ถึงความพ่ายแพ้ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า ทางการสหรัฐฯ คาดว่า ปูตินได้ปฏิเสธคำขอจากนายพลของตน ให้ถอนทัพหนีจากเมืองเคอร์ซอนทางตะวันตกของแม่น้ำดนีเปอร์ ซึ่งปัจจุบันถูกยูเครนยึดคืนไปได้แล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหน่วยสืบราชการลับจะเชื่อว่า ทางการรัสเซียเกิดภาวะหวั่นวิตกในการทำสงครามในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ตำแหน่งแห่งที่ของปูตินยังคงแข็งแกร่ง และโอกาสในการหาคนขึ้นมาแทนที่ปูติน ยังคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ในทางกลยุทธ์ของรัสเซียเช่นกัน
ผู้อำนวยการหน่วยสายลับ GCHQ เน้นย้ำถึงราคาที่ต้องจ่ายของรัสเซีย ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาของสงครามยูเครนว่า กองกำลังของรัสเซียได้อ่อนล้าในการทำสงครามบนแผ่นดินยูเครน และการสั่งระดมกำลังพลล่าสุดของปูติน เป็นสัญญาณฟ้องของความสิ้นหวัง “เราทราบดี และผู้บัญชาการภาคพื้นดินของรัสเซียก็รู้ดี ว่าเสบียงและยุทโธปกรณ์ของพวกเขากำลังจะหมดลง” เฟลมมิ่งเน้นย้ำ
ที่มา: