วันที่ 15 ม.ค. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่ง เกี่ยวกับการนัดอ่านคำวินิจฉัย ในวันพุธที่ 17 ม.ค. กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นขอให้วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากเหตุยังเชื่อได้ว่าคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชชั่น ว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่ามั่นใจหรือไม่ เนื่องจากเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ได้แต่น้อมรับคำพิพากษาไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด และหวังว่าน่าจะตอบแค่ข้อกล่าวหาทุกอย่างได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับคำพิพากษา ถ้าคำพิพากษาออกมาอย่างไรก็ตามนั้น
เมื่อถามถึงการถ่ายภาพออกรอบตีกอล์ฟ ร่วมกับ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ คณะทำงานกระทรวงกลาโหม อนุทิน หัวเราะก่อนกล่าวติดตลกว่า ตกทรายด้วยกันทั้งคู่ก่อนถ่ายรูป ทำงานมากตีกอล์ฟไม่เป็นแล้ว
อนุทิน กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.ระนอง ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ ประชาชนจะเห็นอะไรเนื่องจากเป็นเหมือนบ้านของพรรคภูมิใจไทย ว่า อย่าไปคิดแบบนั้น ขณะนี้ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร เป็นเส้นทางตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าจะเป็นตัวช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศด้านการค้า และการแข่งขัน ให้มีที่ยืนในตลาดโลกด้วยความเข้มแข็ง จึงมีการประชุม ครม.ที่ระนอง เพื่อให้ ครม.และหน่วยงานรัฐได้เห็น ซึ่งถือว่าเป็นประโยชหลายด้าน
ส่วนที่มองอย่างไรพรรคก้าวไกลตั้งแง่กับโครงการแลนด์บริดจ์ อนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีการศึกษา ตั้งแง่ไม่ได้ เราเอาเหตุผล เอาความเป็นประโยชน์ในการทำให้ประเทศเข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้าในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยมีองค์ประกอบครบ
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการหลอกต่างชาติมาลงทุนนั้น อนุทิน กล่าวว่า ต่างชาติฉลาดน้อยกว่าเราตรงไหน การทำอะไรในระดับนานาชาติไม่มีคำว่าหลอก ถ้าเริ่มต้นด้วยการหลอกก็ผิดตั้งแต่แรก แต่เรื่องนี้ถือเป็นความร่วมมือทำให้ภูมิภาคเกิดความแข็งแกร่ง ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว เพราะทุกวันนี้เป็นโลกของความร่วมมือไม่ใช่แข่งขันกันอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นก็แข่งกันจน แต่เราคิดว่าจะร่ำรวย แข็งแรง เข้มแข็งไปด้วยกัน เพื่อที่เราจะได้เป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ผู้ถูกกำหนด
เมื่อถามถึง กรณีดราม่าการสร้างสะพานข้ามคลองที่เกาะพยาม ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ที่ล่าช้าไม่แล้วเสร็จ อนุทิน กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองลงไปดูแล้ว และการประชุม ครม.สัญจรที่จะมีขึ้น เขาก็ให้ ครม.ลงไปดูตามพื้นที่ต่างๆ ส่วนตัวยังไม่เคยไปเกาะพยาม ก็อาจจะแวะไปดู ซึ่งไม่ใช่เรื่องดราม่าอะไร ต้องดูภาพรวม ถ้าทำให้ดีขึ้น จ.ระนอง ก็อาจจะไม่ใช่จังหวัดทางผ่านอย่างเดียว แต่เป็นจังหวัดเป้าหมายด้วย