ไม่พบผลการค้นหา
'วิษณุ' ชี้ 'นายกฯรักษาการ' มีอำนาจเต็ม ทำอะไรก็ได้ อยู่จนกว่า นายกฯ-ครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ขณะยอมรับน่าวิตก 'ฉาววงการสงฆ์' อาจลามไปหลายวัด เผย พศ.ไม่ได้นิ่งเฉยกำลังศึกษากฎหมายมายับยั้ง-ทิ้งบอมบ์รอดู 'เงินทอนวัด' คืนชีพ

วันที่ 6 พ.ค. 2565 วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี มีนายกรัฐมนตรีรักษาการเกิดขึ้น ว่า หากสภาฯยังเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ไม่ได้ นายกฯรักษาการ และคณะรัฐมนตรี (ครม.)รักษาการ ก็ยังคงอยู่ตราบเท่าที่จะมีนายกฯใหม่ และถึงแม้ว่าจะมีนายกฯใหม่แล้ว นายกฯรักษาการก็ยังต้องอยู่จนกระทั่งนายกฯใหม่สามารถฟอร์ม ครม.ใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายวันและอยู่จนกว่า ครม.ใหม่ จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน

อย่างไรก็ตาม หากสภายังเลือกนายกฯใหม่ไม่ได้ นายกฯรักษาการยังต้องทำหน้าที่ต่อไป โดยอำนาจของนายกฯรักษาการนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง สามารถปรับครม.ได้ เพราะเคยมีมาแล้วในสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สมัยนั้นยุบสภาแล้วปรับครม. ทั้งนี้จะต้องมีนายกรัฐมนตรีรักษาการและ

ครม.รักษาการ เพราะเราจะขาด ครม.ไม่ได้เนื่องจากหากเกิดปัญหาใดขึ้น เช่น สึนามิหรือปัญหาใดๆ จะต้องมี ครม.ค่อยแก้ปัญหา เพื่อสั่งราชการ

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศเหมือนที่กำลังจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกานี้ ก็ให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการ แต่ถ้าพล.อ.ประวิตร ป่วยในขณะนั้น ก็จะเป็นตน เป็นผู้รักษาการ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงปัญหานายกฯ ครบ 8 ปี หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรู้สึกเฉยๆ จะเป็นอะไรก็ให้ไปตามนั้น อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยพูดถึงประเด็นนี้ ไม่เคยแสดงความกังวลใดๆ ตนพูดมานานแล้วว่า การนับ 8 ปีนั้น เริ่มจากเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าสมมติว่านับจากปี 2557 เมื่อครบ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้รักษาการ แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาการเองก็ได้ แต่ตนไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาการ แต่ขณะนี้จะเริ่มนับจากปี 2557 หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เริ่มนับจากไหนก็ยังไม่ทราบ ไม่มีใครรู้และตนจะไปตอบก็ไม่ได้ 

ส่วนกรณีที่มีสื่อถามว่า รัฐบาลจะไม่สงสัยแล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือ วิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลจะไปสงสัยทำไม เพราะถ้ารัฐบาลสงสัยก็แสดงว่ารัฐบาลไม่ควรจะอยู่แล้ว รัฐบาลไม่มีสิทธิสงสัย ดังนั้นถ้าใครสงสัยคนนั้นก็ส่งไปถามศาลรัฐธรรมนูญได้ 

"ผมยังไม่เคยพูดชัดเจนว่า 8 ปี นับจากปีไหน 57 หรือ 60 หรือ 62 เพราะถึงพูดไปคนเขาก็ไม่เชื่อ มันเป็นคำถามจริง และผู้คนสงสัยจริง และอยากได้คำตอบจริง ทีนี้ถ้าใครอยากได้คำตอบและมีอำนาจที่จะหาคำตอบ ก็ดำเนินการไป ฝ่ายค้านก็ทำได้ องค์กรอื่นก็ทำได้ แต่แนะนำว่าทำแต่เนิ่นๆนั้นไม่ได้ เช่น ถ้าสมมุตินับจาก 57 ก็สิงหาคม แต่ตอนนี้เพิ่งพฤษภาคมเอง ต้องให้เข้าไปใกล้ๆหน่อย"


รับน่าวิตก 'ฉาววงการสงฆ์'

วิษณุ กล่าวถึงกรณีเรื่องอื้อฉาวในวงการสงฆ์ในขณะนี้หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกเข้าหารือที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า วานนี้ ว่า นายกฯไม่ได้ฝากเรื่องอะไร เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ตนได้บังเอิญเจอ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จึงได้คุยกัน โดยได้ถาม ผอ.สำนักพุทธว่า ศรีสุวรรณ จรรยา กำลังเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอยู่ทางสำนักพระพุทธศาสนาจะว่าอย่างไร ซึ่งทาง ผอ.สำนักพุทธ ก็รับว่าจะไปศึกษาเรื่องนี้ดู

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทางสำนักพุทธจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง วิษณุ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเขากำลังดำเนินการอยู่ รอให้ทางสำนักพุทธเป็นคนพูดเองดีกว่า 

เมื่อถามว่าขณะนี้วงการสงฆ์ เริ่มเสื่อมขึ้นทุกวัน วิษณุ กล่าวขึ้นมาทันทีว่า อย่าเพิ่งไปคิดอะไรขนาดนั้น แค่นิดเดียวจะเสื่อมได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ มีตั้งเยอะแยะ 

เมื่อถามว่า เป็นห่วงว่ามันจะกลายเป็นโดมิโนที่ลามไปในหลายๆวัดหรือไม่ รองนายกฯ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่น่าวิตก จริงๆ แต่จะทำอย่างไรเดี๋ยวลองคิดกันดู ซึ่งในอดีต ปี 2500 เราเคยมีกฎหมายที่มีการระบุว่า พระที่ทำปาราชิกโดยเสพเมถุนกับผู้หญิง ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ถือว่าพระสงฆ์มีความผิด และผู้หญิงก็มีความผิด แต่ต่อมาเห็นว่า ควรยกเลิก ซึ่งปัจจุบันกฎหมายนี้ไม่มีแล้ว ก็ต้องไปดูว่าเหตุผลที่ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปเพราะอะไร การมาเรียกร้องให้มีกฎหมายลงโทษแบบนี้ ต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีมาแล้วแต่เราก็ยกเลิกไปแล้ว วันนี้ถ้าจะเอามาใช้อีกก็ไม่ขัดข้อง ถ้าเราคิดว่าสมควร ก็เป็นหน้าที่ของสำนักพุทธฯ และอาจจะต้อง มีกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศาสนา และนักกฎหมายมาร่วมกันพิจารณาด้วย ว่าสมควรที่จะเอากฎหมายฉบับเก่ากลับมาใช้ใหม่หรือไม่ หรือจะเขียนใหม่ให้มันดีกว่าเดิมอย่างไร เพราะถ้าไปดูเหตุผลที่ทำไมยกเลิกในตอนนั้นก็จะพบว่า มันจำเป็นต้องยกเลิกในตอนนั้นจริงๆ วันนี้เราเพิ่งพาประชาชนและสื่อมวลชนดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมสงสัยว่าสำนักพุทธศาสนาดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์ในขณะนี้ วิษณุ กล่าวว่า เขาทำอยู่ มีการติดต่อประสานกับเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบอยู่ เพราะเมื่อยอมรับก็เท่ากับว่า ปาราชิกโดยเสพเมถุน และเมื่อต้องปาราชิก ก็เหมือนตาลยอดด้วนอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส คือไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต และนี่คือเหตุผลว่าทำไมปี 2500 จึงมีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะถือว่ารับโทษทางวินัยของพระสงฆ์ไปแล้ว หากจะมาติดคุกอีก ก็อาจจะแปลก นี่คือตามกฏหมายในอดีต

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้มีการลาสิกขาไปก่อนที่จะมีการถกเถียงว่าปาราชิกหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ทางสำนักพุทธฯ กำลังประสานดำเนินการอยู่เพื่อให้เกิดหลักฐานรองรับไว้ในทะเบียนว่าปาราชิกไม่เช่นนั้น เวลาจะบวชอีก พระอื่นหรือวัดอื่นอาจจะไม่รู้

เมื่อถามว่า ตอนนี้ความเสื่อมในพระพุทธศาสนามันเกิดขึ้นแล้ว ทางสำนักพุทธจะสามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนมาได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า เราก็ต้องช่วยกันทั้งประเทศ โดยสำนักพุทธอาจจะมีบทบาทมากหน่อย ขอให้เขารวบรวมข้อมูลความชัดเจน ให้ได้สักหน่อยก่อนแล้วค่อยออกโรงมาชี้แจง 

เมื่อถามอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องนี้แต่ยังมีกรณีของพระผู้ใหญ่ จังหวัดอื่นๆอีก รองนายก กล่าวว่า อย่าพูดว่าพระผู้ใหญ่เลย พระผู้น้อยก็มีเยอะแยะไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาเรื่องของเงินทอนวัด ยังคงมีอยู่อีกหรือไม่ วิษณุ ย้อนถามว่า "คุณไม่รู้หรือ" เมื่อถามว่า กรณีเงินทอนวัดมีอีกหรือ รองนายกฯ กล่าวว่า รอดูอีกสักพักแล้วกัน เมื่อถามว่ารอดูใคร วิษณุ กล่าวว่า ก็รอดูแล้วกัน เมื่อถามว่าเป็นพระในกรุงเทพฯหรือไม่ วิษณุ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ รอดูอีกหน่อย รอดูแล้วกัน