ช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ค.) เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกช็อกโกแลตเหลว 12 ตันพุ่งชนแนวกั้นซูเปอร์ไฮเวย์ในเมืองสลัปคา ประเทศโปแลนด์ โดยรถบรรทุกพลิกตะแคงขวางถนนทั้งขาเข้าและขาออก รวมถึงช็อกโกแลตรั่วไหลออกมาบนถนนจนกีดขวางทางจราจรทั้ง 6 เลน
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยบรรเทาสาธารณภัยใช้น้ำร้อนฉีดไปยังช็อกโกแลตที่เริ่มแข็งตัวเคลือบผิวถนน เนื่องจากอากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างเย็น จากนั้นจึงค่อยใช้รถตักนำช็อกโกแลตเหลวออกจากพื้นที่เกิดเหตุ โดยขั้นตอนการทำความสะอาดใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำให้การจราจรได้รับผลกระทบ
สถานีโทรทัศน์ TV24 สื่อท้องถิ่นของโปแลนด์ รายงานว่าผู้ขับขี่จักรยานยนต์รายหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บที่แขน เนื่องจากช็อกโกแลตเคลือบถนนมีความลื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ช็อกโกแลตที่รั่วไหลบนถนนเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ยานพาหนะยิ่งกว่าหิมะ แต่ย้ำว่าผู้ขับขี่คนดังกล่าวไม่ได้มีอาการสาหัส
ตำรวจโปแลนด์ระบุว่าจะตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้คนขับรถบรรทุกพุ่งชนแนวกั้นถนนซูเปอร์ไฮเวย์ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่
ทั้งนี้ อุบัติเหตุรถบรรทุกทั่วโลกทำให้มีสิ่งของจำนวนมากรั่วไหลและตกหล่นบนถนน โดยในประเทศแถบแอฟริกา มีรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงพลิกคว่ำอยู่บ่อยครั้ง และประชาชนที่อาศัยในประเทศยากจนจะนำภาชนะไปรองน้ำมันซึ่งกำลังรั่วไหล แต่มักจะเกิดโศกนาฏกรรมตามมา เพราะรถบรรทุกเชื้อเพลิงอาจเกิดระเบิดหรือไฟไหม้
ส่วนเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถขนเงินสดของบริษัทรักษาความปลอดภัย 'Brinks' ทำถุงใส่ธนบัตรใบละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ ตกลงจากหลังรถซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ที่เมืองอินเดียแนโปลิส รัฐอินเดียนาของสหรัฐฯ ทำให้ธนบัตรปลิวกระจายไปตามถนน รวมเป็นเงินประมาณ 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้ขับขี่ยานพาหนะบางส่วนจอดรถข้างทางเพื่อช่วยเก็บธนบัตร แต่ไม่อาจระบุได้ว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทสามารถเก็บรวบรวมธนบัตรที่ปลิวกระจายกลับคืนมาได้ครบถ้วนหรือไม่
ที่มา: Newsweek/ EWN/ New York Times