ไม่พบผลการค้นหา
ปี 2017 มีวิกฤตต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเยรูซาเลม ตะวันออกกลาง และคาบสมุทรเกาหลี แต่ภูมิภาคที่ทั่วโลก รวมถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์หลงลืมไปก็คือ พื้นที่ทะเลจีนใต้

ในปี 2017 พื้นที่พิพาททะเลจีนใต้เป็นความขัดแย้งที่ถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสถานการณ์ที่ร้อนแรงในคาบสมุทรเกาหลีเข้ามาดึงความสนใจจากทั่วโลกไป รวมถึงรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย ทำให้จีนดำเนินกิจกรรมทางการทหารในพื้นที่พิพาทได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นมองว่า ปี 2018 สถานการณ์ในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้อาจไม่สงบอย่างปีที่ผ่านมา หากจีนมั่นใจว่าถือไพ่เหนือกว่าจนขยายอำนาจในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้อย่างไม่เกรงกลัวใคร จะทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรจำเป็นต้องออกมาตอบโต้

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ทำเนียบขาวไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องทะเลจีนใต้มากนัก แม้ช่วงต้นปี รัฐบาลของนายทรัมป์จะมีทีท่าแข็งกร้าวว่า จีนไม่ควรเข้าไปถมเกาะและดำเนินกิจกรรมทางการทหารในพื้นที่พิพาท และเปรียบว่าเหมือนกับที่รัสเซียควบรวมไครเมียของยูเครน แต่เรื่องนี้ก็ซาลง เมื่อเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ แต่รัฐบาลของนายทรัมป์ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า การที่รัฐบาลพุ่งความสนใจไปที่เกาหลีเหนือเพียงที่เดียว จนไม่สนใจเรื่องสำคัญอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ถึงขั้นที่ไม่แต่งตั้งทูตในหลายประเทศเอเชีย ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียโอกาสในพื้นที่เหล่านั้นไป

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า เหตุผลที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ให้ความสำคัญกับพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้เหมือนกับช่วงของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อน อาจเป็นเพราะสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ไม่ได้ตึงเครียดเท่าเรื่องการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่เป็นเรื่องการต่อสู้กันทางกฎหมายระหว่างประเทศและการทูต ซึ่งดูเป็นนามธรรม จึงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนอย่างนายทรัมป์ได้

โดนัลด์ ทรัมป์

แม้สหรัฐฯ จะยังคงกล่าวถึงทะเลจีนใต้เล็กน้อยในรายงานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง และยังส่งเรือลาดตระเวนไปใกล้กับเกาะเทียมของจีนในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้อยู่บ่อยครั้ง แต่เรื่องที่จีนขยายพื้นที่ทางทหารของตัวเองในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้กลับกลายเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ เห็นว่าปกติ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเหมือนที่ผ่านมา

ช่วงที่ผ่านมา ประเทศสมาชิกอาเซียนค่อนข้างเกรงใจจีนในเรื่องพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญ ด้านนายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ก็มีท่าทีที่ประนีประนอมกับจีน เพื่อคานอำนาจกับสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้อาเซียนกับจีนมีกรอบการทำงานร่วมกันในการจัดการเรื่องพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้กันได้ แม้ข้อตกลงนั้นจะไม่พูดถึงกิจกรรมทางทหารของจีนในพื้นที่ขัดแย้งเลยก็ตาม มีเพียงเวียดนามประเทศเดียวที่คัดค้านเรื่องนี้ แต่เวียดนามก็ไม่มีอำนาจมากนัก

Trump asean shakehand.jpg

นักวิเคราะห์มองว่า การที่สหรัฐฯ ละเลยปัญหาข้อพิพาททะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามยุทธศาสตร์ที่จีนวางไว้อย่างดีแล้ว เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนพยายามไม่ทำอะไรที่ดูเป็นภัยคุกคามร้ายแรงเหมือนกับที่เกาหลีเหนือทำอยู่ เพราะจีนเชื่อว่า ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน สหรัฐฯ และทั่วโลก จะลืมว่ากำลังมีปัญหาในทะเลจีนใต้ แล้วใช้ทีเผลอเช่นนี้ในการรุกคืบขยายพื้นที่หรือสร้างสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้จีนสามารถอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าวได้ในที่สุด

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า หากสหรัฐฯ จะยังคงละเลยภูมิภาคนี้ต่อไป อาจทำให้ออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ตัดสินใจเข้ามาจัดการปัญหาทะเลจีนใต้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า เส้นทางการค้าทางทะเลจะยังเป็นเส้นทางเสรี ซึ่งนอกจากจะทำให้สหรัฐฯ เสื่อมอำนาจและอิทธิพลในภูมิภาคนี้แล้ว ยังทำให้สหรัฐฯ ดูขาดภาวะผู้นำในสายตาของประเทศพันธมิตรอีกด้วย