หลังพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2538 สั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ในกทม. เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 'วอยซ์ออนไลน์' ลงพื้นที่สำรวจผลกระทบที่ผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องแบกรับสถานการณ์นี้ รวมถึงวิธีการปรับตัวในช่วงเวลากว่า 20 วันตามประกาศ
'ณิชกานต์ รัตนรุ่งกิจ' เจ้าของร้านทำผมกล่าวว่า ตั้งแต่รู้ข่าวตนเองก็ปิดร้านในทันที ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเงินสำรองมากนัก แต่ก็เลือกจะเอาไปซื้ออาหารแห้งมาตุนไว้ก่อน ระหว่างช่วงที่ขาดรายได้ไป ขณะที่ 'ประจวบ มาลัยทอง' เจ้าของร้านอาหารตามสั่งชี้ว่า ผลกระทบหลักเป็นในรูปยอดขายที่ตกลงอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้
ประจวบกล่าวว่า "ลูกค้าบางคนมาถึงพอรู้ว่ากินไม่ได้ เขาก็กลับ กลับกันหมด เราทำได้ก็แค่รอลูกค้ามาซื้อใส่กล่องอย่างเดียว" โดยเธออธิบายเพิ่มว่า เวลาลูกค้าทานอาหารที่ร้านก็มักจะสั่งอาหารเยอะกว่าเวลาสั่งกลับบ้าน
ด้าน 'สงัด จันทร์คำ' เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวสะท้อนว่า ผลกระทบเมื่อลูกค้าไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้สร้างความเสียหายต่อร้านของเธออย่างมาก เนื่องจากก๋วยเตี๋ยวเป็นประเภทอาหารที่ต้องทานร้อนๆ และลูกค้านิยมทานที่ร้านมากกว่าซื้อกลับบ้าน เธอเสริมว่าปกติร้านจะมีรายรับประมาณ 3,000 - 4,000 บาท แต่ตั้งแต่มีการปรับใช้มาตรการนี้รายได้ของเธอเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,000 - 2,000 บาทเท่านั้น และไม่สามารถจ้างงานคนงานช่วยได้อีกต่อไปเพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว
เสียงสะท้อนจากผู้ค้าที่ทีมข่าวไปสัมภาษณ์ล้วนตอบไปในทิศทางเดียวกันว่าเข้าใจความจำเป็นของภาครัฐในการสั่งการลงมาแบบนี้ แต่ก็อยากจะวิงวอนขอมาตรการช่วยเหลือเช่นเดียวกัน เพราะพวกตนได้รับผลกระทบมากจริงๆ
ณิชกานต์ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดถ้าได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินยังชีพให้ได้เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ก็ยังดีบ้าง เพราะระหว่างที่เธอหยุดงานค่าเช่าที่ทั้งของที่ร้านเสริมสวยและที่บ้านเช่า ก็ไม่ได้ลดลงหรือหยุดลงแต่อย่างใด
ขณะที่ 'สงัด' เปรียบเทียบว่าในช่วงน้ำท่วมปี 2554 รัฐบาลในยุคนั้นได้ให้เงินสนับสนุนครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายหลังละ 20,000 บาท และหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะเข้ามาช่วยเหลือให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนเช่นเดียวกัน แต่ก็ยอมรับว่าตนเองก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะเข้ามาช่วยพวกตนอย่างไร แต่การมีเงินเอาไว้สักก้อนในช่วงเวลาที่ตนขายของแทบจะไม่ได้แม้แต่ทุนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
ทั้งนี้ ฝั่งรัฐบาลเองก็เริ่มมีมาตรการเยียวยาประชาชนออกมามากขึ้น อาทิ
ส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็ยังต้องมาประเมินอีกครั้ง
ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด ประชาชนรวมถึงภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบทุกคนเข้าใจดีว่าการร่วมมือกันฝ่าวิกฤตตรงนี้ไปให้ได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่ต้องแลกมากับการเสียสละบางสิ่งบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลออกมาขอความเสียสละกับประชาชนแล้วก็จำเป็นต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมรับมือที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเสียสละไปโดยต้องแบกรับทุกอย่างไว้ฝ่ายเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง