ไม่พบผลการค้นหา
"เสรีพิศุทธ์" ปะหน้า "อนุทิน" ชวนร่วมตั้งรัฐบาล พร้อมมอบเก้าอี้นายกฯ ให้ แต่ไร้เสียงตอบรับ มั่นใจไม่ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อม ส.ส. ของพรรครวม 10 คน เข้ารับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.

โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ที่เดินทางมารับหนังสือรับรองจาก กกต.พร้อมกับนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 และ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทย และได้เข้าไปพูดคุยกับนายอนุทินและนายชัย พร้อมชักชวนให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่พร้อมมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ และทวนความจำและคำสัญญาที่เคยให้ไว้บนเวทีดีเบตว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากบุคคลที่เคยร่วมดีเบตบนเวทีเท่านั้น ขณะที่นายอนุทินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่ยิ้มและแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ได้เป็น ส.ส. และอ้างว่าต้องเดินทางไปถวายพระพรจึงขอตัวกลับก่อน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. เพื่อให้ประชาธิปไตยเกิดความเข้มแข็งและประชาชนไม่เสียความรู้สึก โดย 10 เสียง ของพรรคเสรีรวมไทยพร้อมสนับสนุนและมอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย หากตัดสินใจมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย โดยจะไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะดำเนินการตามนี้

พร้อมขอให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยพิจารณาไตร่ตรองให้ดี เหตุเพราะหากไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ จะเจอกับข้อแม้ที่ว่าตัวนายกรัฐมนตรีคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคือพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ยังคงเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งที่สุขภาพไม่เอื้ออำนวยแล้ว ขณะที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังคงเป็นพรรคพวกของตนเองเพื่อไปสานต่อในโครงการสำคัญ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมาเลขาธิการ กกต. โดยขอให้ กกต.ตรวจสอบการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่เหลือกว่า 300 เขต หลังเกิดปัญหาความผิดพลาดที่จังหวัดนครปฐม เขต1 โดยมีการนับคะแนนผิดพลาดถึง 20 จังหวัดจาก 21 จังหวัด ซึ่งหาก กกต. ไม่ดำเนินการใดๆ จะดำเนินการเอาผิดในภายหลังอย่างแน่นอน

โดยในตอนท้ายหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าไม่ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งสามารถชี้แจงในทุกประเด็นข้อกล่าวหาได้ ทั้งนี้อาจพิจารณาเอาผิดกับบุคคลที่ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ หากการยื่นเรื่องนั้นเป็นเท็จ