คณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ประณามการยิงขีปนาวุธดังกล่าวของเกาหลีเหนือ อันเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และกล่าวว่าจะดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารต่อไปตามแผนที่วางไว้ “เราจะจับตาดูกิจกรรมต่างๆ ของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด และรักษาท่าทีเตรียมพร้อมอย่างแข็งขัน โดยยึดตามความสามารถในการตอบโต้อย่างท่วมท้นต่อการยั่วยุใดๆ” คณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์
ในอีกทางหนึ่ง รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางการญี่ปุ่นเชื่อว่าขีปนาวุธน่าจะตกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังยื่นคำ “การประท้วงอย่างรุนแรง” กับเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่าการยิงขีปนาวุธของประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ คุกคามความปลอดภัยและสันติภาพของญี่ปุ่น ภูมิภาค และประชาคมระหว่างประเทศ
การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ของเกาหลีเหนือในรอบเดือนนี้ ซึ่งตอกย้ำความตึงเครียดทางทหารในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือ และการซ้อมรบร่วมทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่เร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สองชาติพันธมิตรเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมรบที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงมีการคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือจะยกระดับกิจกรรมการทดสอบขีปนาวุธต่อไป ในขณะที่สหรัฐฯ เคลื่อนกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินไปยังคาบสมุทรในสัปดาห์นี้ เพื่อการซ้อมรบร่วมอีกรอบกับเกาหลีใต้ อย่างไรก็ดี ทางการเกาหลีเหนืออ้างว่าการซ้อมรบร่วมของทั้งสองชาติพันธมิตร เป็นการซ้อมรบสำหรับการรุกรานและการยึดครองเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี ทางการสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กล่าวว่าเป็นการซ้อมรบเป็นการซ้อมรับสถานการณ์ตามปกติ
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธและขีปนาวุธร่อนมากกว่า 20 ลูกจากการยิง 11 ครั้งในปีนี้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือยังได้ดำเนินการตามที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการฝึกซ้อม 3 วัน เพื่อการจำลองการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อเป้าหมายเกาหลีใต้ การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือยังรวมถึงการใช้โดรนใต้น้ำ ที่อ้างว่ามีความสามารถด้านนิวเคลียร์ ที่สามารถทำให้เกิด "สึนามิกัมมันตภาพรังสี" ขนาดใหญ่ที่จะทำลายเรือและท่าเรือของกองทัพเรือศัตรู
เกาหลีเหนือทำลายสถิติการทดสอบขีปนางวุธในปี 2565 ไปแล้ว โดยพวกเขายิงขีปนาวุธไปแล้วกว่า 70 ลูกในปี 2565 นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังออกกฎหมายในปีที่แล้ว เกี่ยวกับหลักการนิวเคลียร์แบบทวีความรุนแรง ที่อนุญาตให้มีการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในสถานการณ์ต่างๆ ในวงกว้าง หากพวกเขารับรู้ถึงภัยคุกคามต่อระบอบของตัวเอง
ที่มา: