ไม่พบผลการค้นหา
ก้าวไกลบุกค่ายทหารสงขลา ประกาศนโยบาย ปรับลดนายพลเพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย พร้อมต่อสู้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทหารในทุกลำดับชั้น

ที่กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคก้าวไกลจำนวนมากได้ร่วมรณรงค์เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ ธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมในเขต 6 จังหวัดสงขลา

พิธา กล่าวว่า ผมขอเริ่มต้นการปราศรัยจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของกองทัพรวมถึงประชาชนคนไทยจำนวนหนึ่งที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวคิดของพรรคก้าวไกลที่มีต่อกองทัพ ผมขอยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรคว่า เราไม่ได้ต่อต้านการมีกองทัพ เราจำเป็นต้องมีกองทัพที่มีความเป็นมืออาชีพและต้องเป็นกองทัพที่ทันสมัย แต่กองทัพที่ใหญ่โตด้วยกำลังพลโดยเฉพาะกองทัพที่มีนายพลจำนวนมากจนไม่เหลืองบประมาณในการดูแลทหารชั้นผู้น้อยนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย

“มากไปกว่านั้น กองทัพในศตวรรษที่ 21 คือกองทัพที่ต้องยืนอยู่เคียงข้างประชาชน คือกองทัพที่พร้อมปกป้องประชาชนไม่ใช่ใครอื่น คือกองทัพที่จะรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ นอกจากนี้ ความเสียสละและความกล้าหาญของพลทหารก็ควรอยู่คู่กับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น เรื่องราวของพลทหารที่เสียชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ายทหารจะต้องหมดไป ความมั่นคงของกองทัพจำเป็นต้องอยู่คู่กับความมั่นคงของทหารชั้นผู้น้อย เราต้องการสร้างความมั่นคงในอาชีพ ทหารชั้นผู้น้อยจะต้องไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือกลั่นแกล้งไม่ว่าในทางใดๆ เพื่อให้พวกเขามีครอบครัวที่มั่นคงและเข้มแข็ง มีพลังที่จะปกป้องประชาชนและเป็นรั้วของชาติ”

“ผมเชื่อว่า คุณธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครฯ สงขลา เขต 6 ที่อยู่เบื้องหลังการอภิปรายในสภาของตนมาตลอด 3 ปี จะอยู่เคียงข้างและเป็นปากเป็นเสียงแทนทหารทุกชั้นยศ ในวันที่ทุกท่านเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม”

ธิวัชร์ ดำแก้ว2.jpg


ด้าน ธิวัชร์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย รวมถึงเรื่องการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นรับโดยสมัครใจ ซึ่งเรื่องนี้มั่นคงชัดเจนตามที่หัวพรรคได้นำเสนอไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากพูดคือเรื่องสิ่งแวดล้อม หากวันนึงได้มีโอกาสเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชน ผมก็พร้อมที่จะใช้ความรู้ความสามารถที่มีเข้าไปพัฒนา จ.สงขลา เพราะจากการที่อยู่เบื้องหลังการอภิปรายในสภาของคุณพิธามาตลอดระยะเวลา 3 ปี บวกกับการเป็นคนที่เกิดที่นี่เติบโตมาที่นี่ทำให้ผมรู้ดีว่าจะต้องผลักดันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เขต 6 สงขลา อย่างไรบ้าง

ไม่มีที่ไหนในประเทศไทย ที่ตื่นเช้ามาแล้วได้กลิ่นจากโรงงานยางพาราได้เท่าที่นี่อีกแล้ว เพราะที่นี่มีโรงงานยางพารามากเป็นอันดับสองของประเทศ นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในเรื่องของบ่อขยะที่อยู่บนต้นน้ำในเขตอำเภอสะเดา ซึ่งการตั้งบ่อขยะที่ตั้งอยู่บนต้นน้ำโดยไม่มีการตรวจสอบ แสดงให้เห็นว่าผู้แทนฯ คนที่ผ่านๆ มา ไม่มีความใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาแล้วที่สงขลา เขต 6 ต้องเปลี่ยน

“ผมขอแรงสนับสนุนจากพ่อแม่พี่น้อง ในเขต 6 ทุกท่านอีกครั้ง ช่วยเป็นแรงหนุนให้ผมได้มีโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ ของพี่น้อง สะเดา-คลองหอยโข่ง ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ช่วยกันกาเบอร์ 6 จนกว่า กกต. จะหมดแรงนับ”