วันที่ 10 พ.ค. 2566 เวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทย นำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พิชัย นริพทะพันธ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพี่อไทย ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พลนชชา จักรเพ็ชร กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้แก่จักรพล ตั้งสุทธิธรรม จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ร่วมหารือ แลกเปลี่ยน แนวคิดด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ กับตัวแทนผู้ประกอบการ นักธุรกิจท้องถิ่น จังหวัดเชียงใหม่ รวม 40 องค์กร เช่น สภาหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ , สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ , คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดเชียงใหม่ , คณะกรรมร่วมภาคเอกชน (กกร.) , กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ (YEC) , สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเชียงใหม่ ,กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ จังหวัดเชียงใหม่ ,สมาพันธ์มัคคุเทศก์ เป็นต้น ที่โรงแรมวินทรี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะในหลายประเด็น หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เช่น
1.สภาหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้มีการขับเคลื่อนการจ้างงานในกลุ่มประเทศสมาชิกเออีซี 10 ประเทศ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน พร้อมทั้งเสนอให้เชียงใหม่มีสนามบินนานาชาติ มีการจัดการขยะที่ดีขึ้น ควรเพิ่มระบบขนส่งมวลชนหลัก เช่น รถไฟฟ้า เพื่อลดรายจ่าย และเพิ่มพื้นที่สีเขียว
2.กลุ่ม YEC เสนอให้รัฐบาลเพื่อไทย นำผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่เข้าร่วมวางแผนเศรษฐกิจกับรัฐบาล เพื่อให้ได้นโยบายและแนวคิดใหม่ๆ รวมเข้ากับความเป็นมืออาชีพ
3.ผู้แทนจาก กกร.เชียงใหม่ เสนอว่า จังหวัดเชียงใหม่ถูกหยุดการเจริญเติบโต ถูกแช่แข็ง ถูกลืม ไม่มีโอกาสอื่นๆ จึงเสนอให้นำแนวคิด ‘ผู้ว่าซีอีโอ’ ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย โดย ทักษิณ ชินวัตร กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้เอกชน ร่วมกันตัดสินใจงานบางอย่างร่วมกันกับผู้ว่าราชการจังหวัด
4.ตัวแทนจากสมาพันธ์เอสเอ็มอี เห็นด้วยกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน และอยากให้รัฐบาลเพื่อไทย กระตุ้นจีดีพีเอสเอ็มอี ให้มีสัดส่วนต่อจีดีพีทั้งประเทศให้มากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 35% ของจีดีพีทั้งประเทศ ขณะที่เกาหลีจีดีพีเอสเอ็มอีอยู่ที่ 50% ของจีดีพีรวมทั้งประเทศ รวมทั้งอยากให้กระตุ้นจีดีพีภาคเหนือให้มากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 10% ของจีดีพีรวมทั้งประเทศ เพื่อกระจายรายได้ที่กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งมีจีดีพีรวมกันอยู่ที่ 45-50% ต่อจีดีพีรวม หากทำได้จะช่วยสร้างความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำให้เชียงใหม่ได้ รวมทั้งขอให้แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจของเอสเอ็มอีด้วย
นอกจากนี้ยังมีประเด็นต่างๆ เช่น
1.สถานการณ์โควิดทำให้เอสเอ็มอีเป็นหนี้เสีย และล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ ต้องกู้เงินนอกระบบ เนื่องจากติดบูโร จึงเสนอให้มีการจัดตั้งบริษัท เครดิตสกอริ่ง โดยประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้สิน แม้จะติดเครบูโรจะช่วยผู้กู้ได้
2.คนจบใหม่เงินเดือนต่ำ ทำให้แรงงานย้ายถิ่นฐาน อยากให้แรงงานสร้างสรรค์ กลับมาเชียงใหม่ และคนเชียงใหม่สามารถใช้ชีวิตในเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการนักท่องเที่ยวและ Nomad (ทำงานอิสระได้ทุกที่) ให้คนเชียงใหม่ได้ใช้ด้วย และมีความสนใจนโยบาย THACCA ของพรรคเพื่อไทย มีรายละเอียดอย่างไร
3.อยากได้นโยบายดูแลมักคุเทศก์ผ่านสภามัคคุเทศก์ โดยได้มีการร่างกฎหมาย พ.ร.บ.มักคุเทศก์แล้ว อยากให้ผลักดันต่อ
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ ที่ยังไปได้อีกไกล หลายอย่างในจังหวัดถูกดองเค็ม ทั้งที่มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งมหาวิทยาลัย และโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมแล้ว หลายข้อเสนออย่างแนวคิดผู้ว่าซีอีโอ เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ซึ่งเชียงใหม่มีความพร้อมทุกด้าน โดยจะมีการกำหนดเคพีไอการทำงานผลักดันท้องถิ่น ไม่ใช่มาแค่ปกครอง แต่ต้องมาสนับสนุน ทั้งนี้ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เรามั่นใจว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะจัดการให้ชัดเจน ใส่จิตวิญญาณความเป็นซีอีโอให่กับผู้ว่าราชการจังหวัด และร่วมผลักดันทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ครั้งแรก ได้ ส.ส.เข้าสภา 377 เสียง ได้นายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีวิสัยทัศน์แบบซีอีโอ เข้าใจบริบทการทำงานร่วมกันในทุกกระทรวง การเดินทางปราศรัย และลงพื้นที่รวมกว่า 40 จังหวัด ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าปัญหาเล็ก ๆ ที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่น จังหวัดน่าน เป็นเมืองคู่ขนานกับหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งสามารถผลักดันน่านให้เป็นเมืองคู่ขนานกับหลวงพระบางได้ ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต้องดูแลกระทรวงที่ถูกต้อง ผลักดันนโยบายให้ได้อย่างมีนัยยะ อยากให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งโอกาสเหมือนสมัยรัฐบาลไทยรักไทย พรรคเพื่อไทยอยากกลับไปผลักดันนโยบายดี
ส่วนข้อเสนอแนวคิดรุ่นใหม่จบการศึกษา ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน พรรคเพื่อไทย มีนโยบายปรับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำสำหรับแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปรับขึ้นที่ 600 บาทต่อวัน และการเติมเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำให้ถึง 20,000 บาทต่อครัวเรือนให้
เศรษฐา ยังเห็นด้วยกับข้อเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการติดแผงโซลาร์เซลล์ โซในครัวเรือน โดยหากสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในบ้านและที่เหลือขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็ปรับเป็นการไฟฟ้าที่เหลือให้หักจากยูนิตไฟฟ้าที่ใช้จริงได้ ข้อเสนอนี้อยู่ภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นเจ้าของ ประชาชนมีส่วนร่วม
“ทีมเศรษฐกิจของเรามีพร้อม เรามีความตั้งใจจริง ประเทศของเราบอบช้ำมาเยอะ จีดีพีเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เราน้อยกว่าไม่ใช่แค่จุดสองจุด แต่เป็นเท่า ส่อให้เห็นว่าเราล้าหลังในการพัฒนา เวลานี้จึงต้องใช้มืออาชีพมาเป็นตัวเปลี่ยนประเทศไทย เราไม่พร้อมลองของใหม่ เราต้องการทีมคุณภาพ เราต้องเลือกตั้งอย่างมีจุดมุ่งหมาย เลือกอย่างมียุทธศาสตร์ กระทรวงท่องเที่ยว คมนาคม คลังมพาณิชย์ อีกหลายกระทรวง ต้องพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงอาทิตย์ ผมเชื่อว่าหากเพื่อไทยได้คะแนนชนะไม่ขาด ไม่ได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชน การบริหารจัดการจะลำบากมากขึ้น การเดินทางในช่วงที่ผ่านมา เราเดินสายวิงวอนประชาชนเพื่อบอกว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงทันที ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยคือพรรคที่มีความพร้อมที่สุด เราพร้อมรับใช้ทุกคน” เศรษฐา กล่าว
ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการสร้างสนามบินนานาชาติ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก รวมถึงระบบขนส่งมวลชนก็มีความสำคัญ ภายใต้การรักษาสเน่ห์ของเมืองต้องไม่หายไป ทั้งนี้พบว่าหลายเมืองเจริญเติบโตแต่ไม่ได้รับความดูแล เป็นเมืองหลวงที่พรรคเพื่อไทย แต่ถูกดองมานาน เสียดายโอกาสที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้บริหารประเทศต่อเนื่องมานาน หากได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนเราจะพยายามทำเต็มที่ เราจะมีการเจรจากับนักธุรกิจทั่วโลก เพราะเรามีครบทุกอย่าง
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเร่งรัดกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ภายใต้แนวคิดหลักรัฐบาลคือผู้ถือหุ้นกับภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ผ่านภาษี ที่ผ่านมารัฐบาลเป็นอุปสรรค เราจะเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐสนับสนุน
ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 ใน4 จังหวัดนำร่อง เป็นเขตธุรกิจใหม่ (New business zone) เพราะมีครบ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้ร่างกฎหมายเขตธุรกิจใหม่เตรียมไว้แล้วรวม 67 มาตรา ที่ยึดหลักนิติธรรม มีเนื้อหาสาระสำคัญหลายเรื่อง เช่น การสนับสนุนการระงับข้อพิพาทที่ไม่ได้พึ่งพาการนำไปสู่การฟ้องศาลเป็นอย่างแรกเท่านั้น แต่จะสนับสนุนให้ใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพราะมีความรวดเร็ว มีมาตรฐาน นานาประเทศให้การยอมรับ
“เราทำงานล่วงหน้าแล้ว ทั้งระบบการขนส่งคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน การต้าต่างประเทศ การทะลวงข้อจำกัดบางอย่าง ทั้งศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง ต้องทำให้ง่าย เราทำได้หมด เรายินดีร่วมแก้ไขปัญหาให้เป็นเนื้อเดียวกัน สนามบินแห่งที่สอง ทราบว่ามีแผนเรียบร้อยต้องได้รับการจัดการ” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เชียงใหม่นะเป็นเมืองแห่งการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมีการนิคมอุตสาหกรรมเป็นตัวนำ
พิชัย นริพทะพันธ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก ต้องลดค่าไฟฟ้าทันที ค่าแก๊สทันที เพื่อลดรายจ่ายช่วยประชาชน
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ อย่างกลุ่ม YEC ที่ถือเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการเชียงใหม่ด้วย ที่ผ่านมาเราได้ร่วมกันร่างแผนส่งเสริมงานอยู่ในกรอบของเขตธุรกิจใหม่ เชียงใหม่จะไม่โตเดี่ยว เราต้องเติบโตร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อมโยงนักท่องเที่ยว กลุ่ม BIMSTEC ต้องเสริมกัน และพัฒนา 5 เชียง และเชื่อมโยงเส้นทาง R3A R3B การสร้างแลนด์มาร์คใหม่ ๆ ส่งเสริมเชียงใหม่ให้เป็น nomad paradize และ Creative city , City of wellness , City of workation เป็นต้น
สำหรับการจูงใจให้เด็กจบใหม่ไม่ย้ายถิ่นฐาน พรรคเพื่อไทยมี THACCA องค์กรใหม่ที่จะรองรับนโยบาย OFOS เอางานพุ่งสู่คน เสริมความแข็งแรงบุคลากรตั้งแต่วัยเรียน ,มี พ.ร.บ.อากาศสะอาด มีสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้น่าอยู่
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชียงใหม่จะเป็นมหานครแห่งใหม่ ตามแนวคิดที่พรรคเพื่อไทยที่จะสร้างเสาหลักทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ จากเดิมที่มีเสาหลักทางเศรษฐกิจเพียงแห่งเดียว ที่กรุงเทพ มหานคร และเป็นเมืองปราบเซียนในการจับจ่ายท้องถิ่น ซึ่ง New business zone จะให้แต้มต่อที่เท่ากันกับธุรกิจท้องถิ่น และเพิ่มกำลังซื้อผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยเชียงใหม่มีประชาชนที่มีอายุเกิน 16 ปี 1.4 ล้านคน จะช่วยสูบฉีดกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในพื้นที่ และจะไหลไปที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ช่วยปลดล็อคข้อจำกัดข้างต้น ช่วยการเติบโตของเชียงใหม่ได้
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพี่อไทย กล่าวว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ เป็นการดึงเอาศักยภาพของคนไทยขึ้นมาสร้างรายได้ แต่เราจะไม่ยัดเยียด ไม่ตีกรอบ ความสามารถจะถูกระเบิดให้เปลี่ยนไปมาเป็นรายได้ นิยามความเป็นไทยจะไม่ถูกจำกัดแบบเดิม เพราะเรามีความเข้าใจคำว่าร่วมสมัยเป็นอย่างดี