ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการบริหารงานภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นยุคสุญญากาศที่ประเทศไทยถูกแช่แข็ง ขาดการพัฒนา อันเนื่องมาจากการบริหารงานที่ล้มเหลว สร้างเศรษฐกิจไม่ได้ หารายได้ให้ประเทศไม่เป็น ในขณะที่งบประมาณรายจ่ายสำหรับรายจ่ายประจำสูง จากขนาดของราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนานเท่าไร ประเทศยิ่งเสียโอกาสในการพัฒนานานเท่านั้น สะท้อนให้เห็นได้ผ่านการใช้งบประมาณของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง 2 ส่วน ได้แก่
1. การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่กำลังจะเข้าสภาผู้แทนราษฎร มูลค่า 3.185 ล้านล้านบาทนั้น เป็นงบประมาณขาดดุลที่จำเป็นต้องกู้เงินชดเชยสูงถึง 6.95 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 22% เพื่อมารองรับงบลงทุนทั้งหมด เต็มเพดานวินัยการเงินการคลัง นั่นหมายความว่าถ้ารัฐบาลไม่สามารถกู้เงินมาเติมในงบประมาณได้ ประเทศจะไม่มีงบลงทุนเลยแม้แต่บาทเดียว สะท้อนถึงความไร้ศักยภาพของรัฐบาล ไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจ จัดหารายได้มากกว่างบประมาณรายจ่ายปกติได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อีกทั้งรายการใช้จ่ายในงบลงทุนยังคงไร้ทิศทาง กระจัดกระจาย ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่เห็นหนทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้เลย
2. เงินนอกงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้อีก 5 แสนล้านบาทที่อนุมัติไปในปีที่แล้วนั้น ปัจจุบันเหลืองบประมาณให้เบิกใช้อีก 7 เดือนถึงสิ้นปี 2565 เพียง 4.8 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยเพียงเดือนละ 6 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้งบที่ใช้ไปแล้วกว่า 4 แสนล้าน ส่วนใหญ่หมดไปกับรายจ่ายเยียวยาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด และโครงการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านมาตรการต่างๆ โดยไม่ได้มีโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือการผลักดันส่งเสริมธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรมที่ยั่งยืน
“การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ปิดประตูการพัฒนาประเทศ งบประมาณรายจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง ถนัดสร้างหนี้เพิ่มให้ลูกหลาน กู้เงินนอกงบประมาณมาแต่ใช้ไม่เกิดประโยชน์ ยิ่งอยู่นาน ประชาชนรายได้ยิ่งไม่มี แต่หนี้บาน การพิจารณารับร่างงบประมาณปี2565 วาระ1 ในรอบนี้ คงต้องพิจารณากันอย่างหนักเพื่อให้การใช้งบประมาณรอบนี้เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง” ชนินทร์ กล่าว