รายงานข่าวระบุว่าที่ผ่านมาทางการซาอุดีอาระเบียได้เริ่มออกใบอนุญาตขับรถให้กับผู้หญิงและรณรงค์เรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัย หลังจากที่เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วได้ออกประกาศว่าจะอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถขับขี่รถบนท้องถนนได้ มาตรการดังกล่าวนี้ริเริ่มโดยเจ้าชายรัชทายาทโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานซึ่งผลักดันการปฏิรูปสังคมซาอุดีฯให้เป็นสังคมสมัยใหม่ และมีเป้าหมายใหญ่ที่ต้องการให้ผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางรัฐบาลซาอุดีฯได้มีการจัดอบรมเรื่องการใช้ถนน กฎหมายจราจร และพฤติกรรมการขับรถยนต์ที่ปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้หญิงในเมืองริยาด์ ดัมมาม เจดาห์ และตาบูก นอกจากนี้ยังมีการจำลองการฝึกขับรถยนต์และการฝึกหัดการจอดรถให้แก่ผู้หญิงอีกด้วย

ผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียได้ยืนอยู่แถวเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในเรื่องการยอมรับสิทธิของผู้หญิงในการขับขี่ และจะทำให้ผู้หญิงในซาอุดีอาระเบียไม่ต้องพึ่งพาแต่ระบบขนส่งสาธารณะหรือต้องว่าจ้างคนขับรถชายตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นระยะทางเพียงเล็กน้อยก็ตาม ผู้หญิงจะออกไปทำงานนอกบ้านได้มากขึ้น 

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่ามีผู้หญิงหลายคนตอบรับอย่างกระตือรือร้นและแสดงความยินดีผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีหลายคนโพสต์รูปพวกเธอขับรถหรือไม่ก็แสดงความดีใจว่าจะได้ก้าวเข้าไปทำธุรกิจหรือทำงานต่างๆ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชี้ว่า ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียยอมให้ผู้หญิงขับรถบนท้องถนนได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนที่เคยรณรงค์เพื่อสิทธิในเรื่องนี้ยังถูกคุมขังอยบู่ในคุก

เว็บไซต์ฮิวแมนไรซ์วอทช์ ตีพิมพ์ข้อเขียนของรอทนา เบกัม นักวิจัยที่ระบุว่า ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมารัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้จับกุมผู้หญิงกว่าสิบคนที่เป็นนักรณรงค์เคลื่อนไหวเรื่องสิทธิให้กับผู้หญิง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องสิทธิในการได้ขับขี่รถด้วย แม้ว่าจะมีการปล่อยตัวบางคนออกมาแล้ว แต่ยังเหลืออีก 9 คนที่ถูกคุมขังพร้อมทั้งยังถูกประณามต่อสาธารณะว่าเป็นคนทรยศ บทความดังกล่าวชี้ว่า ทางการซาอุดีอาระเบียเกรงว่าภาพที่ออกมาจะถูกตีความว่าทางการต้องยอมอ่อนข้อและการเคลื่อนไหวเรียกร้องเป็นหนทางที่จะทำให้ได้มาซึ่งสิทธิ

ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อนิตยสารโว้กอาราเบียลงภาพเจ้าหญิงรัชทายาทเฮย์ฟา บินท์ อับดุลลา อัช ซาอุดของซาอุดิอาระเบียในชุดขาวและถุงมือหนังนั่งอยู่ข้างหลังพวงมาลัยรถยนต์ พร้อมบทสัมภาษณ์ที่สนับสนุนสิทธิผู้หญิงในการขับรถ เรื่องนี้ถูกวิจารณ์อย่างมากว่าสวนทางกับความจริงที่ทางการยังคงคุมขังผู้หญิงที่รณรงค์เพื่อสิทธิดังกล่าว