พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการย้ายเข้าสมัครสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ ว่าเป็นเรื่องปกติ รักใครชอบใครก็ไปอยู่พรรคนั้น
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มีบุคคลแห่เข้ามาสมัครจำนวนมานั้น เพราะมีศักยภาพหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในพรรคนี้ สุดท้ายต้องรอประชาชนเป็นผู้เลือก หากพลังประชารัฐเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาล จะเทียบเชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ส่วนตัวยังไม่รู้ แต่ก็อยากให้ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯอีก เพราะจะได้สานต่องานที่ทำอยู่ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาก็ทำงานไปได้มากแล้ว ส่วนตัวถ้าใครมาเทียบเชิญ ก็ยืนยัน ว่าไม่ขอรับตำแหน่ง เพราะเหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว แก่แล้ว
ส่วนการพูดคุยกับพรรคการเมืองวันที่ 7ธ.ค.นี้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าพรรคการเมืองการจะสอบถามประเด็นใด แต่ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อม แต่หากเป็นเรื่องกฏหมายจะเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย เป็นผู้ตอบ ส่วนหากเรื่องของความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีและตน เป็นผู้ตอบคำถาม พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแม็ป วันที่ 24 ก.พ. 2562
ขณะที่เรื่องของการหาเสียงพรรคการเมือง เรื่องนี้มีกฏหมายควบคุมอยู่แล้ว ไม่ห่วงในการลงพื้นที่4ปีที่ผ่านมารัฐบาลก็ดูแลทุกอย่างสงบเรียบร้อย ดังนั้นฝากพรรคการเมือง อย่าทำอะไรให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเชื่อว่าระยะเวลาในการหาเสียง 60 - 70 วันก็เพียงพอ ในการหาเสียงของพรรคการเมือง พร้อมย้ำว่าการดำเนินงานของพรรคการเมืองจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ขณะนี้เสร็จสิ้นและออกเป็นกฏหมายแล้ว
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยกังวล ว่าจะถูกยุบพรรค เพราะมองว่า คสช. เล่นเกมส์การเมืองมากเกิดไป พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบ เพราะไม่ทราบให้ไปถามเพื่อไทยเอง ว่ากลัวอะไร และต้องไปถาม กกต.เป็นอำนาจของ กกต.ในการพิจารณษยุบพรรค
นอกจากนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทุ่มงบประมาณ เพื่อปูทางหาเสียงทางการเมือง ตามที่มีเสียงวิพากวิจารณ์กัน พร้อมยืนยัน รัฐบาลมีวินัยการเงินการคลัง ในการใช้จ่ายเงิน ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้ของกระทรวงการคลัง ซึ่งหากไม่มีวินัยก็จะถูกฟ้องร้องได้ พร้อมระบุ ไม่มีรัฐบาลไหน ที่จะทำผิดกฏหมายเอง