ไม่พบผลการค้นหา
อดีตผู้บัญชาการกองกำลังบอสเนียน-เซิร์บ ถูกศาลระหว่างประเทศพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต จากข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงสงครามบอสเนียเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว

ศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายรัตโก มลาดิช อดีตผู้บัญชาการกองกำลังบอสเนียน-เซิร์บ ด้วยข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ โดยในช่วงสงครามบอสเนีย (ค.ศ. 1992-1995) นายมลาดิชบัญชาการกองกำลังชาวบอสเนียน-เซิร์บ เข้าต่อสู้กับกองกำลังชาวบอสเนียเชื้อสายโครแอต และชาวบอสนีแอก 

เมื่อวันที่ 11-22 กรกฎาคม 1995 นายมลาดิชได้นำกองกำลังเข้าสังหารหมู่ชาวมุสลิมเชื้อสายบอสเนียกว่า 8,000 รายที่เมืองเซเบรนิกา และสังหารหมู่พลเรือนในกรุงซาราเยโว เมืองหลวงของบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินากว่า 10,000 ราย ระหว่างการเข้ายึดครองเป็นเวลา 44 วัน โดยระหว่างการเข้ายึดครองเมืองเซเบรนิกาและกรุงซาราเยโวนั้น กองกำลังบอสเนียน-เซิร์บได้ทำการข่มขืนหมู่สตรีและเด็กหญิง จองจำนักโทษในสภาพที่เลวร้าย ด้วยการปล่อยให้อดอยาก เจ็บป่วย และใช้การทรมาน รวมไปถึงใช้กำลังคุกคามทำลายบ้านเรือนและมัสยิดเป็นจำนวนมาก

000_UG6RB.jpg

หลุมฝังศพหมู่ในหมู่บ้านที่ห่างจากกรุงซาราเยโวมาทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร

นายมลาดิชเป็นบุคคลระดับสูงของกองกำลังบอสเนียน-เซิร์บคนแรก ที่ถูกศาลระหว่างประเทศพิพากษาให้มีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาตินับตั้งแต่ยูโกสลาเวียล่มสลายเป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ เขาเคยหลบหนีคดีเป็นเวลาถึง 16 ปี ก่อนจะถูกกองกำลังความมั่นคงของเซอร์เบียควบคุมตัวและส่งตัวมายังศาลระหว่างประเทศ โดยกระบวนการพิจารณาความผิดของนายมลาดิชได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2012

ก่อนหน้านี้ นายสโลโบดัน มิโลเซวิช อดีตประธานาธิบดียูโกสลาเวียได้ถูกนำตัวมาขึ้นศาลระหว่างประเทศเช่นกัน แต่เขาเสียชีวิตเมื่อปี 2006 ภายในเรือนจำของศาลระหว่างประเทศด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา

000_UH182.jpg

หลุมฝังศพผู้เสียชีวิตจากการสังหารหมู่ที่เมืองเซเบรนิกา

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ศาลระหว่างประเทศอ่านคำพิพากษาในครั้งนี้ นายมลาดิชไม่ได้อยู่ในศาล เนื่องจากเขาถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาคดี เพราะไปตะโกนใส่ผู้พิพากษา หลังจากที่ศาลปฏิเสธคำร้องของทนายความของนายมลาดิช ที่ต้องการให้ศาลระงับการพิจารณาคดีชั่วคราว เนื่องจากนายมลาดิชมีภาวะความดันโลหิตสูง แม้ก่อนเข้ารับฟังคำตัดสินเขาจะอนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายรูปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มก็ตาม

ภายหลังจากที่ศาลระหว่างประเทศมีคำพิพากษา ทนายความของนายมลาดิชได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่านายมลาดิชเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาจะทำการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

ขณะที่อัยการของคดีนี้ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คำพิพากษาครั้งนี้ เป็นคำตัดสินครั้งสำคัญ และประวัติศาสตร์จะไม่จารึกชื่อนายมลาดิชในฐานะวีรบุรุษ แต่จะจดจำเขาในฐานะผู้ทำลายล้างชุมชนและชีวิต พร้อมระบุว่า วีรบุรุษที่แท้จริง คือ กลุ่มผู้ที่รอดชีวิตที่พยายามต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาโดยตลอด 

Bosnia Mladic War Cri_Rata.jpg

ผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ที่เมืองเซเบรนิกาแสดงความดีใจ หลังจากที่ศาลระหว่างประเทศอ่านคำพิพากษา

ด้านนายอเล็กซานดาร์ วูซิค ประธานาธิบดีเซอร์เบีย และนางอนา เบอร์นาบิค นายกรัฐมนตรีของเซอร์เบียได้ออกมาแสดงความเห็นต่อคำพิพากษาในครั้งนี้ว่า ไม่ใช่คำพิพากษาที่น่าตกใจ และหลังจากนี้ เซอร์เบียต้องก้าวให้พ้นอดีตและมองไปยังอนาคต

ส่วนนายซาอิด รออัฎ อัลฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า นายมลาดิช คือ ตัวอย่างของความชั่วร้าย พร้อมระบุว่า คำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่าผู้ที่ก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้จะไม่สามารถหลบหนีหรือลอยนวลไปได้

สงครามบอสเนียทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1 แสนคน และอีก 2.2 ล้านคนต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในครั้งนั้นยังเป็นเหตุให้ยูโกสลาเวียต้องล่มสลาย

ภาพ: AP และ AFP

เรียบเรียงโดย: สลิสา ยุกตะนันทน์