ฟ็อน แดร์ ไลเอิน แถลงในรัฐสภายุโรปที่สตราสบูร์กของฝรั่งเศส เพื่อขอให้ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปลดการนำเข้าน้ำมันจนยุติการนำเข้าภายในระยะเวลา 6 เดือน และหยุดการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นก่อนสิ้นปีนี้จากรัสเซียลง เพื่อตอบรับกับสงครามยูเครนโดยรัสเซีย ทั้งนี้ การนำเข้าพลังงานจากรัสเซียของยุโรปถูกวิจารณ์ว่าเป็นแหล่งเงินทุนในการทำสงครามของรัสเซีย
“เราจะทำให้แน่ใจว่า เราจะเลิกใช้น้ำมันของรัสเซียอย่างเป็นระบบระเบียบ ในลักษณะที่ช่วยให้เราและพันธมิตรของเราสามารถจัดหาเส้นทางการจัดหาพลังงานทางเลือก และลดผลกระทบต่อตลาดโลกให้น้อยที่สุด” ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าว
อย่างไรก็ดี ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ยอมรับมาตรการคว่ำบาตรนำเข้าน้ำมันรัสเซียดังกล่าว “จะไม่ใช่เรื่องง่าย” เนื่องจากข้อเสนอดังกล่าวต้องได้รับเสียงเอกฉันท์ ท่ามกลางแนวโน้มที่รัฐสมาชิกทั้ง 27 ชาติอาจมีการถกเถียงกันในประเด็นนี้อยากรุนแรง เนื่องจากมีบางประเทศในยุโรปไม่มีทางออกสู่ทะเล และต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียอย่างมาก
สหภาพยุโรปเป็นผู้นำเข้าน้ำมันกว่า 25% ของรัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเบนซินและดีเซลสำหรับยานยนต์ โดยนักวิเคราะห์ของ S&P Global ระบุว่า รัสเซียป้อนน้ำมันดีเซลกว่า 14% และการคว่ำบาตรตัดราคาอาจทำให้ราคาน้ำมันรถบรรทุกและรถแทรกเตอร์พุ่งสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หากมติในครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภายุโรป จะส่งผลให้มาตรการนี้เป็นมาตรการที่เล็งเป้าหมายโจมตีพลังงานรัสเซียเป็นครั้งที่สองของสหภาพยุโรป นับตั้งแต่รัสเซียทำการรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ออกมาแสดงความขอบคุณต่อการเสนอมติแบนน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้ของ ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ถึงแม้ยูเครนจะรู้สึกไม่ยินดีจากการเลื่อนมตินี้ไปอีกหลายเดือน แต่ “มันยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
“ผมคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำให้ชัดเจนในตอนนี้คือ (เวลา) สำหรับการคว่ำบาตรเพียงครึ่งเดียว หรือมาตรการครึ่งเดียวในการคว่ำบาตรได้หมดลงแล้ว” คูเลบากล่าวโดยอ้างว่าสหภาพยุโรปไม่สามารถสนับสนุนยูเครนในด้านเดียวอีกต่อไป ในขณะที่ตนเองยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากแหล่งทุนของ "เครื่องจักรสงคราม" ของรัสเซีย คูเบลายืนยันว่ารัสเซียจะไม่มีวันแพ้ หากยุโรปยังคงจ่ายเงินค่าพลังงานให้กับทางรัสเซียอยู่เรื่อยๆ
นอกจากการเสนอและเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรด้านพลังงานแก่รัสเซียของ ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ต่อรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป สหภาพยุโรปยังได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบุคคลสำคัญจากรัสเซีย รวมถึง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ตลอดจนสมาชิกครอบครัวของปูตินเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียไปแล้ว
สหภาพยุโรปยังได้ประกาศคว่ำบาตร Sberbank ธนาคารเจ้าใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เพื่อตัด Sberbank ออกจากระบบสวิฟท์ ซึ่งเป็นระบบเข้ารหัสในการโอนเงินข้ามชาติ นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ประกาศคว่ำบาตรสื่อของรัสเซียที่เผยแพร่การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอีก 3 บริษัทใหญ่ ซึ่งมีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของอีกด้วย
สหภาพยุโรปกำลังเริ่มการพูดคุยถึงการคว่ำบาตรการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียแล้ว ถึงแม้ว่าฉันทามติในเรื่องดังกล่าวอาจจะยังคงห่างไกลจากการบรรลุผลได้ เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียในการผลิตไฟฟ้าและความอบอุ่นในบ้านเรือน ทั้งนี้ สหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซจากรัสเซียกว่า 40%
ก่อนหน้านี้ ฮังการีและสโลวาเกียกล่าวว่าพวกตนจะไม่มีส่วนร่วมในการคว่ำบาตรน้ำมันใดๆ โดยประธานคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดว่า ฮังการีและสโลวาเกียจะได้รับการยกเว้นจากการประกาศการคว่ำบาตรรัสเซียหรือไม่ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ดูเป็นไปได้ก็ตาม
ทั้งนี้ สโลวาเกียประกาศว่าตนเองไม่ได้ต่อต้านมาตรการการคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซีย แต่สโลวาเกียต้องการเวลาเปลี่ยนผ่านในการลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มท่อในการนำเข้าพลังงานจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่รัสเซียในตอนนี้ ในขณะที่ฮังการียังคงไม่มีท่าทีที่จะคว่ำบาตรพลังงานของรัสเซีย เนื่องจากผู้นำของฮังการีมีความใกล้ชิดกันกับปูตินอยู่อย่างมาก
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2022/05/04/business/eu-russia-oil-ban/index.html