นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่บรรจุญัตติตั้งกรรมาธิการสอบสวนที่มาของ ส.ว.ว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอมานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฏร จึงเป็นเหตุที่ไม่บรรจุเพราะ ตามมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาฯ จะตั้งกรรมาธิการฯกระทำกิจการ สอบสวน ศึกษาเรื่องใดต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสภาเมื่อรัฐธรรมนูญมาตรา 269 กำหนดให้การสรรหาแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นอำนาจของ คสช. ดังนั้น ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสภาที่จะไปสอบสวน
ส่วนกรณีนายสุทินบอกว่า ปกติถ้าผู้เสนอญัตติ เขียนญัตติไม่ถูกต้อง สภาจะเชิญไปแก้ไข ครั้งนี้ทำไมไม่เชิญแต่ตีตกนั้น นายสมบูรณ์ ระบุว่า ที่ผ่านมาถ้าสภา เห็นว่าญัตตินั้น มีเนื้อหาสาระที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของสภาที่กระทำได้ แต่ยังมีข้อความหรือถ้อยคำที่ไม่ถูกต้อง ก็จะเชิญมา แต่ญัตติของนายสุทิน ไม่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของสภา จึงไม่ต้องเชิญมาแก้ไข
“คุณสุทิน คลังแสง คงเคยชินกับสภาสั่งได้เหมือนในอดีต จึงไม่ยอมรับฟังเหตุผลของการไม่บรรจุญัตติ การตรวจสอบที่มา ส.ว. อาจเพราะห่างจากสภามานาน เพราะคราวที่แล้วอยู่ในกลุ่มถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง และเคยอยู่ในสภาสมัยสภาสั่งได้ ยุคสมัยที่สภาเป็นแบบเผด็จการรัฐสภา สภาจึงรับคำสั่งให้บรรจุญัตติ ออกกฎหมายเพื่อนายทุนพรรคตนเอง เช่น ออกกฎหมายล้างผิดให้นักโทษทุจริตหนีคดี ออกนโยบายโครงการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท หรืออนุมัติงบประมาณในโครงการที่เอื้อต่อการทุจริต จนเคยชิน คิดว่าสมัยนี้คงเหมือนกัน จะเอาอะไรก็ต้องเอาให้ได้ เอาเรื่องเอาญัตติที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจตนเองมาบรรจุให้ได้ ไม่เคารพการตัดสินของประธานสภาฯ ซึ่งท่านได้มอบหมายให้รองประธานสภาฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เชิญนักกฎหมาย ที่ปรึกษามาร่วมพิจารณา ซึ่งท่านเคารพต่อหลักการความยุติธรรม แต่คุณสุทินทำตัวเป็นเด็กเกเร ประจำสภา ไม่ยอมรับคำตัดสิน” นายสมบูรณ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ ระบุว่า สภาผู้แทนราษฏรเป็นสถาบันเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เป็นสถาบันออกกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมของสังคม อย่าใช้สภาผู้แทนราษฎร เพื่อใช้ต่อรองทางการเมือง สร้างความแตกแยกในสังคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง