ต่างประเทศ
มลรัฐจอร์เจียฟ้อง ‘ทรัมป์’ อีกข้อหา ฐานพยายามล้มผลการเลือกตั้งในปี 2563
ข้อหาที่ฟ้องต่อทรัมป์ถูกยื่นโดย ฟานี วิลลิส อัยการเขตฟุลตันเคาน์ตี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ส.ค.) นับเป็นอุปสรรคทางกฎหมายที่ทรัมป์ต้องเผชิญ ในขณะที่เขากำลังลงแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ในการลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 ที่จะถึงนี้
“ทรัมป์และจำเลยคนอื่นๆ ที่ถูกตั้งข้อหาในคำฟ้องนี้ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าทรัมป์แพ้ และพวกเขารู้เท่าทันและจงใจเข้าร่วมแผนการสมรู้ร่วมคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เอื้อประโยชน์ต่อทรัมป์” คำฟ้องที่ออกโดยสำนักงานของวิลลิสระบุ ทั้งนี้ วิลลิสกล่าวเสริมว่าจำเลยจะได้รับอนุญาตให้มอบตัวโดยสมัครใจภายในเวลาเที่ยงตรงของวันที่ 25 ส.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ วิลลิสยังกล่าวอีกว่า เธอวางแผนที่จะขอวันพิจารณาคดีภายใน 6 เดือน
คำฟ้องความยาว 98 หน้า มีรายชื่อจำเลย 19 คน และรายละเอียดการกระทำหลายสิบครั้งของทรัมป์และพันธมิตรของเขา เพื่อเอาชนะความพ่ายแพ้ของทรัมป์ในการเลือกตั้ง รวมทั้งการข่มเหงเลขาธิการแห่งมลรัฐจอร์เจียของพรรครีพับลิกัน เพื่อหาคะแนนเสียงที่เพียงพอเพื่อให้ทรัมป์อยู่ในอำนาจต่อ รบกวนเจ้าหน้าที่ด้วยการกล่าวอ้างอันเป็นเท็จ การฉ้อฉลผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฝ่ายนิติบัญญัติของจอร์เจียเพิกเฉยต่อเจตจำนงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และแต่งตั้งคณะผู้เลือกตั้งกลุ่มใหม่ที่เป็นที่ชื่นชอบของทรัมป์
นอกจากนี้ คำฟ้องยังระบุถึงการเข้าไปยุ่งเหยิงกับเครื่องลงคะแนนในหนึ่งเขตของมลรัฐจอร์เจีย ตลอดจนการขโมยข้อมูลการเลือกตั้ง โดยคำร้องระบุว่าจำเลยในคดีนี้ ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา อดีตเสนาธิการทำเนียบขาว ทนายความของทรัมป์ และอดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ว่าเป็นสมาชิกของ “องค์กรอาชญากรรม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “องค์กร” ที่ดำเนินการในมลรัฐจอร์เจียและมลรัฐอื่นๆ
จำเลยรายอื่นที่มีชื่ออยู่ในคำฟ้อง ยังรวมถึง มาร์ค มีโดวส์ อดีตเสนาธิการทำเนียบขาว รูดี จูเลียนี และ จอห์น อีสท์แมน ทนายความของทรัมป์ และ เจฟฟรีย์ คลาร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมฝ่ายบริหารของทรัมป์ ซึ่งมีความพยายามเพื่อล้มล้างความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งในมลรัฐจอร์เจีย ทนายความอีกหลายคนของทรัมป์อย่าง ซิดนีย์ โพเวลล์ และ เคเนธ ชีสโบร ถูกตั้งข้อหาเช่นกัน
คำฟ้องของคณะลูกขุนใหญ่มีขึ้นในวันที่ 2 ม.ค. 2564 หลังจากมีการพบสายโทรศัพท์ที่ทรัมป์เรียกร้องให้แบรด ราฟเฟนส์เพอร์เกอร์ เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งระดับสูงของจอร์เจีย “หา” คะแนนเสียงที่เพียงพอเพื่อให้เกิดการแก้ไขผลการเลือกตั้งที่เขาแพ้เล็กน้อยในมลรัฐจอร์เจีย อย่างไรก็ดี ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของทรัมป์เช่นนั้น หลังจากนั้น 4 วันต่อมา ในวันที่ 6 ม.ค. 2564 และ 2 สัปดาห์ก่อนที่ทรัมป์จะออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติรับรองชัยชนะของไบเดนทำได้สำเร็จ
วิลลิสยังดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อข้อกล่าวหา ในแผนของทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ เพื่อล้มล้างกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ด้วยการส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นเท็จ ซึ่งเป็นผู้จัดตั้งคณะผู้เลือกตั้งที่เลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ทั้งนี้ ทรัมป์ ในวัย 77 ปี ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเผชิญข้อกล่าวหาจากรัฐบาลกลาง เกี่ยวกับความพยายามของเขาที่จะล้มล้างความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 โดยคดีดังกล่าวซึ่งนำโดย แจ็ค สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษของสหรัฐฯ ตั้งข้อหาต่ออดีตประธานาธิบดี ฐานสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อฉลรัฐบาลสหรัฐฯ และสมรู้ร่วมคิดขัดขวางการดำเนินการของทางการ ในการรับรองรัฐสภาต่อชัยชนะของไบเดน ทั้งนี้ ทรัมป์ได้เพิกเฉยต่อการสืบสวนหลายครั้ง รวมทั้งการลงมติถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 2 ครั้ง โดยทรัมป์โจมตีว่าข้อหาต่างๆ ต่อเขานั้นเป็น "การล่าแม่มด" ที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์กำลังเผชิญกับการพิจารณาคดีในมลรัฐนิวยอร์ก ที่จะเริ่มในวันที่ 25 มี.ค. 2567 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินอย่างลับๆ ให้กับดาราหนังผู้ใหญ่ และการพิจารณาคดีในมลฟลอริดาที่เริ่มในวันที่ 20 พ.ค. ในคดีเอกสารลับของรัฐบาลกลาง ในขณะที่คำฟ้องที่ 3 ในศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นั้น มีการกล่าวหาว่าทรัมป์พยายามที่จะล้มล้างความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 อย่างผิดกฎหมาย โดยทรัมป์ปฏิเสธการกระทำผิดในทุกกรณี
ที่มา:
