ไม่พบผลการค้นหา
เริ่มแล้ว! สภาเปิดอภิปรายซักฟอกทั่วไปรัฐบาล 'ผู้นำฝ่ายค้าน' แถลงเปิดการอภิปราย ด้าน นายกฯ ประเดิมลุกขึ้นแจง ยันงาน รบ.เดินหน้า ยกแก้หนี้ ปราบยาเสพติด ท่องเที่ยวทิศทางดี ราคายางเพิ่ม ค่าฝุ่นดีกว่าปีก่อน บอกทุกอย่างต้องใช้เวลาเพิ่งบริหารได้แค่ 7 เดือน ย้ำรัฐมนตรีพร้อมฟังข้อเสนอแนะดีๆ เชื่อการเลือกตั้งไทยหลังจากนี้จะก้าวหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น

วันที่ 3 เม.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานใรที่ประชุม วาระการประชุมอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ โดยมี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง

เวลา 09.30 น. ชัยธวัช ในฐานะผู้ยื่นญัตติขอเปิดการอภิปราย ได้อ่านแถลงเปิดการอภิปรายช่วงหนึ่งว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ เศรษฐา ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้มีการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา หาผลงานไม่ได้ หลักนิติธรรมถูกทำลาย ด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน บริหารราชการอย่างไร้จริยธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความจริง ตัวอย่างรูปธรรม เช่น แถลงนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถด้วยนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลอวดอ้างว่าจะเป็นตัวจุดชนวนกระตุ้นเศรษฐกิจให้แพร่หลาย เป็นความผิดพลาดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ และหากจะดำเนินการต่อก็จะสร้างหนี้สินของประเทศมากขึ้น แถลงนโยบายลดรายจ่ายแต่สุดท้ายค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้น อวดอ้างสร้างโอกาสให้ประชาชนแต่กลับมีนโยบายที่สร้างโอกาสให้กับกลุ่มทุน วาทกรรมชูลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับบริหารราชการแผ่นดินที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนมากขึ้น ขายฝันสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่รัฐบาลยังไม่มีปัญญาทำได้แต่อย่างใด

ชัยธวัช.jpg

รัฐบาลแถลงนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ความเป็นจริงกลับไม่นำพาต่อประโยชน์ของประชาชน มิหนำซ้ำยังปิดกั้นโอกาสของประชาชน ปัญหาหนี้สิน ยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ยังต้องทนทุกข์กับหนี้สินที่เกิดขึ้น 

ชัยธวัช ยังกล่าวว่า ความเป็นจริงกลับเหยียบย่ำหลักการของบ้านเมือง การเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมอย่างไร้มาตรฐาน นายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ในการบังคับใช้กฎหมายต่อประชาชนอย่างเท่าเทียม กลับดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี 

จากข้อเท็จจริงดังที่ได้กราบเรียนมาแล้วข้างต้น รับฟังได้เป็นข้อยุติแล้วว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ไร้ซึ่งหลักนิติธรรม ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ทำให้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สภาวะสังคมล้มเหลว เลือกปฏิบัติ ไร้มาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำ เหยียบย่ำประชาชน เศรษฐกิจย่ำแย่ สังคมเสื่อมถอย ประชาชนยากไร้ รับใช้พวกพ้อง สนองกลุ่มทุน

หลังจากอ่านแถลงญัตติ ชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า เราคาดหวังว่าจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร แต่ปรากฏว่าเรากลับได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้ภาวะผู้นำ หลายคนสับสนว่าเป็นใครมีอำนาจทำอะไรได้บ้าง แต่นายกรัฐมนตรีขาดความเป็นผู้นำ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนของทิศทางรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแบบเดิมๆ ที่จัดสรรตามโควตาสมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม ในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ

“เห็นท่านรัฐมนตรีหลายท่าน หลังจากจัดตั้ง ครม. หลายคนสิ้นหวัง แล้วพอรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารประเทศมากกว่าครึ่งปีแล้ว ประชาชนก็คาดหวังที่จะให้ตาเห็นนโยบายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ปากท้องดีขึ้น แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนกลับพบคือการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธงของรัฐบาล ขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมตรงเป้าหมาย แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดินที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นธรรม กลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ต่อทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบางหน้า แต่เบื้องหลังเนื้อนายกลับเต็มไปด้วยความฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้อง แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างน่าละอาย” นายชัยธวัช กล่าว


ชัยธวัช กล่าวอีกว่า ประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลชุดใหม่ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนก็อยากเห็นการจัดทำประชามติโดยเร็ว แต่ก็ยังวกไปวนมา พี่น้องประชาชนไม่แน่ใจว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง มิหนำซ้ำเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วกลับพบว่าหากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แม้จะใหม่ แต่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปกับพบว่ากระบวนการยุติสงครามยังดำเนินการต่อไป ไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร สถานการณ์ปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มเห็นสัญญาณว่าถูกคุกคามแทรกแซง พี่น้องประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรมนิติรัฐที่รัฐบาลแถลง 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง กลับเกิดวิกฤติศรัทธาอย่างที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยเป็นมาก่อนในตำรวจ รวมถึงระบบราชการยังเป็นเต็มไปด้วยระบบตั๋วระบบส่วย จนพี่น้องประชาชนไม่สามารถไว้วางใจกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน ...กระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซ้ำเติมวิกฤติศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง หลังการรัฐประหาร” นายชัยธวัช กล่าว 

"ประชาชนคาดหวังระบบการเมืองที่้ดินไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เราเจอกับเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำทางการเมืองผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชนชั้นนำไม่กี่คน แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้าแทนที่จะ Disrupt การเมืองแบบเก่าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า" นายชัยธวัช กล่าว

ชัยธวัช ทิ้งท้ายว่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เราตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองความคิดใหม่ๆของประชาชน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการแบบใหม่ นี่คือสถานการณ์ที่พวกมในสภาผู้แทนราษฎรจำเป็นที่จะต้อง วิเคราะห์วิจารณ์ตั้งคำถามเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี

ด้าน เศรษฐา​ ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลุกขึ้นชี้แจง ​ ระบุว่า​ ตนมีความยินดีที่วันนี้ได้มารับฟังข้อคิดเห็นของสมาชิกทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นโอกาสอันดีที่จะมาตอบข้อสงสัยหรือประเด็นใดที่ยังไม่ชัดเจนรัฐบาลก็จะพยายามตอบ ซึ่งรัฐมนตรีทุกท่านก็พร้อมที่จะให้ความกระจ่าง หากพวกท่านมีข้อเสนอแนะตนก็เชื่อว่ามีอย่างแน่นอนและคงเป็นข้อเสนอแนะที่บางอย่างก็สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งยินดีที่จะมารับฟังวันนี้และจะให้เวลา 2 วันที่พวกท่านจะได้มีการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ ทำให้ประชาชนที่รับฟังอยู่ได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า เมื่อสักครู่ที่ผู้นำฝ่ายค้าน เริ่มต้นมาก็พูดแรงพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ้นหวังล้มเหลวไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ถอยหลังวกวนปิดบัง ทำลาย แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ มีหวัง สำเร็จ พัฒนาแทนที่จะเป็นปฏิรูป สิ่งต่างๆเหล่านี้ถอยหลังวกวนเราก็เดินหน้าไป ปิดบังเราก็มีความโปร่งใสตนเชื่อว่าหลายๆอย่างที่รัฐบาลนี้ทำอยู่ก็พยายามทำให้เป็นเรื่องบวก เรื่องของอนาคตและแสงสว่างที่ประชาชนจะได้เห็น แต่ก็ไม่เป็นไรหากท่านยังมีข้อกังขาทั้งการปิดบัง ไม่โปร่งใส ไม่สำเร็จ ถดถอย ก็ขอให้บอกมาตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านในที่นี้พร้อมที่จะชี้แจง จากการที่เราทำงานมา 6 เดือน มีการอนุมัติงบประมาณไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเองก็มั่นใจว่าทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและพร้อมให้ความกระจ่างต่อสมาชิกที่ยังมีความไม่เข้าใจ กับเรื่องเหล่านี้

ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องหนี้สินที่ยังไม่มีการบริหารจัดการเราก็มีการตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลเรื่องหนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกรก็มีการพักหนี้ไปไม่ใช่การเพิกเฉย หรือไม่ได้ดูแลเกษตรกร 

ส่วนเรื่องพลังงาน เราก็มีการดูแลเรื่องน้ำมันเบนซิน และราคาค่าไฟ ราคาค่าน้ำมันดีเซลด้วยเหมือนกันซึ่งก็จะดูแลต่อไปโดยจะมีขั้นตอนการทำต่อไป​ โดยไม่ได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจ และไม่ได้ ให้ความสำคัญกับประชาชนในแง่ของค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมาเราตระหนักดีถึงเรื่องนี้

ขณะที่การแก้ไขปัญหายาเสพติด ก็มีการทำงานอย่างชัดเจน มีคณะทำงานที่ประกอบด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรมต่างๆไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา เราก็มีการจับยาบ้าได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าเราได้มีการทำงานและกวดขันเรื่องนี้อย่างดี

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ที่ทำให้ประชาชนมีรายได้เข้ากระเป๋ามากยิ่งขึ้น ก็มีการทำอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวีซ่าฟรีของประชาชนคนจีน ซึ่งหากจำได้ในเดือนกันยายนหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งได้เพียง 1 สัปดาห์ ได้มีการประกาศให้ฟรีวีซ่าจีน ซึ่งก็มีการตอบว่าทำไมถึงให้เพียงฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายจะให้หรือเปล่าซึ่งวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าวีซ่าฟรีทั้ง 2 ประเทศก็ได้มีการเดินหน้าไป ทำให้การค้าระหว่างประเทศนักธุรกิจและท่องเที่ยวเดินทางไปมหาสูตรได้ดีขึ้น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการยกระดับในประเทศต่างๆต่อไป ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เดินทางไปแต่ละประเทศ พยายามทำให้พาสปอร์ตไทยมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าทุกท่านทราบดีอยู่ว่าต้องใช้เวลา แต่การพัฒนาในเรื่องนี้ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีและประชาชนก็ได้รับประโยชน์สูงสุด

ส่วนรายได้ของเกษตรกร ซึ่งมีอยู่หลายสิบล้านคนก็กำลังดี เรามี สส.อยู่ 314 เสียง ซึ่งทุกคนก็เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง รัฐบาลก็รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่านเกี่ยวกับเรื่องรายได้ของเกษตรกร ขอให้คิดดูว่าราคายางขึ้นไปจาก 34 บาท 40 บาทจนแต่เกือบ 100 บาท ส่วนราคาข้าวก็สูงขึ้นพืชผลอื่นๆก็ดีไม่มีการประท้วง หรือขอร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเพราะอะไร​ เพราะมีการ​ เปิดตลาด​ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กำกับดูแลเรื่องนี้อยู่ก็มีการเดินทางไปต่างประเทศเปิดตลาดใหม่เรียกประชุมฑูตพาณิชย์​ มีการกำหนด KPI ตัววัดที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ไม่เคยมีการทำอย่างนี้ขึ้นมาก่อนในอดีตเรียกพูดพาณิชย์และเอกอัครราชทูตประจำที่ต่างๆมาทำงานกันอย่างบูรณาการ เพื่อให้ราคาพืชผลและสินค้าไทยไปขายยังต่างประเทศดีขึ้น มีการเปิดตลาดใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งเป็นผลในระยะสั้นซึ่งเราได้ทำมา

ขณะที่การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลนี้มีการเสนอเข้าสภาพรบอากาศสะอาด ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าในอดีต หรือในปัจจุบันนี้จังหวัดเชียงใหม่ก็ยังมีปริมาณฝุ่นที่สูงติดอันดับโลกแต่หากเปรียบเทียบระหว่างปีที่ผ่านมากับปีนี้ จำนวน Hotspot ลดลงไปจำนวนมากซึ่งไม่ยิ่งหย่อนในการทำงานต่อไป เรื่องเหล่านี้เราให้ความสำคัญกับสิทธิพื้นฐาน ของประชาชนทุกคน

ส่วนที่ระบุว่า เราไม่มีตัวตนบนเวทีโลก แน่นอนว่าพวกท่านก็บอกว่าตนเดินทางไปต่างประเทศบ่อย แต่ขอชี้แจง ว่าจาก 10 กว่าครั้งเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องไปทั้งอาเซียน ที่มีการประชุมประจำอยู่แล้วซึ่งเราเองเราก็เป็นน้องใหม่ที่ได้รับเข้าสู่ตำแหน่งจึงจำเป็นต้องมีการพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนนโยบายซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประเทศไทยมีตัวตนในเวทีโลกไม่ว่าจะเป็น เรื่อง World esconomic forum ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราไม่มีผู้นำเดินทางไปกว่า 12 ปีแล้ว มิตติ้งแต่ละอันมีด้วยคุณภาพและขั้นตอนต่อไปที่เราจะสามารถให้ประโยชน์กับประชาชน ทุกคนได้การเจรจาเรื่อง fta ก็มีผลสัมฤทธิ์ไปแล้วและพวกเรากำลังเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นซึ่งเป็นตัวอย่างคร่าวๆ

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา เราเพิ่งบริหารจัดการประเทศเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น ตนเชื่อว่าทุกท่านทำงานหนักและรัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดีกับประชาชน หากพวกท่านมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆก็ยินดีรับฟังหากมีข้อกล่าวหาอะไรก็ขอหลักฐานขอเหตุผลมา เรื่องของขบวนการยุติธรรมเรื่องของสิ่งต่างๆเหล่านี้ตนเชื่อว่าประเทศไทยหลังจากที่มีการเลือกตั้งผ่านมาก็มีความก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น คนยินดีรับฟังและรับข้อเสนอแนะจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน และรัฐมนตรีทุกท่านก็พร้อมที่จะให้ความกระจ่างกับสมาชิกทุกๆท่านในทุกเรื่อง แต่เป็นเรื่องอะไรที่กล่าวโทษหรือกล่าวหา ก็ขอหลักฐานมาบ้างเราจะได้ไปทำงานกันได้