ทีโดรสระบุว่า รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกต้องตัดสินใจเลือก “ตัวเลือกที่แสนยาก” เพื่อชะลอการระบาดของโอไมครอนในตอนนี้ ที่กำลังลุกลามไปแล้วมากกว่า 106 ประเทศทั่วโลก โดยสถิติการติดเชื้อของสหรัฐฯ มีการพบว่าผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ล้วนเป็นผู้ติดเชื้อโอไมครอนกว่า 73 เปอร์เซ็นต์
หลายประเทศทั่วโลกตัดสินใจปิดรับนักท่องเที่ยว และงดการเดินทางเข้าออกประเทศแล้ว เช่น ฝรั่งเศส และเยอรมนี เช่นเดียวกันกับนิวซีแลนด์ที่ตัดสินใจเลื่อนการเปิดประเทศออกไปจนกว่าจะถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่เนเธอร์แลนด์ตัดสินใจทำการล็อกดาวน์ประเทศไปอย่างน้อยจนกว่าจะถึงวันที่ 14 มกราคมปีหน้า
อย่างไรก็ดี หลายเมืองเริ่มประกาศงดการฉลองปีใหม่ เช่น ริโอเดอจาเนโรของบราซิล ลอนดอนของอังกฤษ ปารีสของฝรั่งเศส และอีกหลายเมืองทั่วโลก อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงไม่มีการประกาศยกเลิกการฉลองปีใหม่แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าตัวเลขการติดเชื้อโอไมครอนในไทยตอนนี้ จะมีอย่างน้อยอยู่ที่ 60 ราย โดยไทยเองพบการติดเชื้อโอไมครอนในประเทศแล้วด้วยเช่นกัน
“มันดีกว่าแน่ถ้าจะยกเลิกในตอนนี้และฉลองกันภายหลัง แทนที่จะเป็นฉลองกันในตอนนี้แล้วโศกเศร้ากันภายหลัง” ทีโดรสกล่าวเสริมพร้อมชี้ว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่า เชื้อโอไมครอนสามารถแพร่ะระบาดได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเชื้อเดลตา นอกจากนี้ WHO ยังระบุอีกว่า การคิดว่าโอไมครอนไม่อันตรายเพียงเพราะเชื่อว่ามันส่งผลให้เกิดอาการป่วยที่ไม่หนักเป็นความคิดที่ “ไม่ค่อยฉลาดนัก”
ทีโดรสกล่าวอีกว่า “เราทุกคนเบื่อแทบตายแล้วกับการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ พวกเราทุกคนอยากจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับเพื่อนและครอบครัว พวกเราทุกคนอยากกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิม” แต่ “ผู้นำและประชาชน” ทุกคนต้องตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ยากลำบากเพื่อการปกป้องผู้คน รวมถึงการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานต่างๆ ออกไป
ในช่วงท้ายของการแถลง ทีโดรสได้ย้ำว่าการแพร่ระบาดจะสามารถจบลงได้ราวปลาย ค.ศ.2022 หาก 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในแต่ละประเทศสามารถฉีดวัคซีนได้ทันในช่วงกลางปีหน้า นอกจากนี้ ทีโดรสยังระบุไปยังจีนว่า ถ้าหากจีนยอมเปิดเผยข้อมูลของโควิด-19 ดั้งเดิมที่อู่ฮั่น ซึ่งเริ่มระบาดเมื่อ ค.ศ.2019 จีนจะสามารถช่วยให้ทั่วโลกหาทางรับมือกับการระบาดใหญ่ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกได้
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2021/12/21/who-urges-holiday-caution-amid-spread-of-omicron-covid-variant.html