ไล่ในวัย 63 ปี มีโอกาสอย่างมากในการขึ้นมาเป็นประธานธิบดีไต้หวันคนต่อไปต่อจาก ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันคนปัจจุบัน ซึ่งเธอจะไม่สามารถท้าชิงเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ต่อไปได้ จากการที่รัฐธรรมนูญไต้หวันกำหนดเกณฑ์การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ไม่เกิน 2 วาระ 8 ปี ซึ่งกำลังจะจบลงในช่วงเดือน พ.ค. 2567 นี้
ไล่เป็นนักการเมืองไต้หวัน ที่ออกมากล่าวถึงประเด็นเอกราชของชาวไต้หวันที่ชัดเจนและแข็งขันมากกว่าไช่ โดยไล่เปิดเผยถึงความเกลียดชังของเขา ที่มีต่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา “การเอาใจไม่สามารถซื้อสันติภาพได้” ไล่ระบุในการแถลงเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) นับเป็นการแสดงความเห็นต่อจีนเป็นครั้งแรก หลังจากการขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค DPP คนใหม่แทนไช่
ไล่ยังได้ร้องขอให้ประชาชนไต้หวันสมัครสมานสามัคคีกัน เพื่อเผชิญหน้ากับ “การขยายตัวระบอบอำนาจนิยมของจีน” พร้อมย้ำว่า “อาศัยได้เพียงแค่ประชาชนที่รวมกันเป็นหนึ่ง และความแข็งแกร่งของเราในด้านสมรรถภาพการป้องกัน ที่จะสามารถป้องกันความปลอดภัยของเราได้อย่างแท้จริง”
ไต้หวันซึ่งมีอำนาจในการปกครองตัวเองมาอย่างยาวนาน ดำเนินกิจการประเทศไปท่ามกลางความกังวลว่า จีนคอมมิวนิสต์แผ่นดินใหญ่อาจยกกองทัพเข้ารุกรานและยึดเกาะของตัวเอง ซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่จีนย้ำมาเสมอว่า ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตัวเอง และจีนพร้อมจะเข้ายึดให้ไต้หวันกลับมาเป็นของจีนอีกครั้ง แม้จะต้องอาศัยวิธิการใช้กำลังถ้าจำเป็น
จีนยกระดับการกดดันทางการทหาร การทูต และเศรษฐกิจต่อไต้หวันอย่างหนัก นับตั้งแต่ไช่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 พร้อมกันกับการปฏิเสธท่าทีและจุดยืนของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน ในขณะที่รัฐบาลของไช่ระบุว่า ไต้หวันเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง
ทางการจีนออกมาขู่ว่า ความพยายามใดๆ ของชาวไต้หวันในการขยับตัวไปสู่การประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการจากจีน จะส่งผลให้เกิดการตอบกลับในทางการทหาร ทั้งนี้ ไล่ระบุในการแถลงเมื่อวันพุธว่า ไต้หวันไม่จำเป็นจะต้องประกาศเอกราชใดๆ ออกจากจีน เพราะไต้หวัน “เป็นประเทศอันมีอธิปไตยอยู่แล้ว” นับเป็นการเน้นย้ำสิ่งที่ไช่เคยประกาศมาโดยเสมอ
ที่มา: