บลิงเคน ให้สัมภาษณ์ในรายการ Meet the Press ของช่อง NBC ว่า เขาคาดว่าสงครามอิสราเอล-ฮามาสจะบานปลายขึ้น จากการมีส่วนร่วมของกลุ่มตัวแทนผู้อยู่เบื้องหลังจากอิหร่าน พร้อมกันนี้ บลิงเคนระบุเสริมว่าฝ่ายบริหารของรัฐบาล โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมพร้อมที่จะทำการตอบโต้ หากบุคลากรของสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าของสงคราม
“เรากำลังดำเนินการเพื่อให้ทำแน่ใจว่า เราสามารถปกป้องประชาชนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองอย่างเด็ดขาดหากจำเป็น” บลิงเคนกล่าว พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯ มีการส่งกองกำลังทหารเพิ่มเติมไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงกองรบเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 กลุ่มด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่า ตามการหารือของเขากับเจ้าหน้าที่อิสราเอลแล้วนั้น อิสราเอลแสดงท่าทีว่าพวกเขาไม่ต้องการปกครองฉนวนกาซา หลังการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสยุติลง แต่บลิงเคนกล่าวย้ำว่า หลังจากสงครามจบลงแล้วนั้น สถานการณ์จะไม่สามารถกลับคืนสู่สถานะเดิมที่เป็นอยู่ได้
“คุณ (อิสราเอล) ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคาม จากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดจากฉนวนกาซาอยู่ตลอดเวลา” บลิงเคนกล่าว “ดังนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องมีการค้นหา (เงื่อนไข) เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มฮามาสจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้อีก แต่นั่นไม่ได้เป็นการเปลี่ยนกลับไปสู่การปกครองฉนวนกาซาของอิสราเอล ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการและไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ”
กองทัพอิสราเอลเดินหน้าทิ้งระเบิด ใส่เป้าหมายของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา นับตั้งแต่การโจมตีอันนองเลือดโดยกลุ่มฮามาส เมื่อช่วงวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในช่วงสุดสัปดาห์ กองทัพอากาศอิสราเอลได้ยกระดับการโจมตีทางอากาศเหนือฉนวนกาซาอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกภาคพื้นดินในฉนวนกาซา แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า อิสราเอลมีแผนอย่างไรต่อช่วงเวลาหลังจากการรุกภาคพื้นดินเสร็จสิ้นลงได้ตามความคาดหมาย
ในขณะเดียวกัน ไบเดนได้พูดคุยกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิสราเอลและฉนวนกาซา นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังแถลงว่า ไบเดนยังได้พูดคุยกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในวันเดียวกันนั้นด้วย
ที่มา: