วันที่ 26 มิ.ย. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลี่ยงพบสื่อของ สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในวันไปรายงานตัว ส.ส.ที่สภา มีนัยว่าจะเป็นรายชื่อแทรกเสนอชิงเก้าอี้ประมุขนิติบัญญับติหรือไม่ว่า รายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งในสภาฯนั้น พรรคยังไม่ได้มีการพิจาณา แม้กระทั่งที่มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า สุชาติ จะร่วมอยู่ด้วย ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยคุยกับพรรคก้าวไกลให้เสร็จเสียก่อน ถึงจะเริ่มพิจาณารายชื่อบุคคล โดยได้นัดหารือวันพุธที่ 28 มิ.ย.นี้ ขณะที่พรุ่งนี้ช่วงเช้า พรรคเพื่อไทยจะประชุมกรรมการบริหารพรรค ยังไม่เอารายชื่อประธานสภาเข้าพูดคุยกันแต่อย่างใด และไม่ทราบ กระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลยอมถอย ไม่เอาตำแหน่งประธานสภาแล้ว และยังไม่ได้รับแจ้งอย่างที่มีข่าว 

ประเสริฐ กล่าวอีกว่ายังไม่ได้คุยกับสุชาติ ต่อประเด็นที่เกิดขึ้น และเชื่อในที่ประชุม ส.ส.วันพรุ่งนี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้น และจะพูดคุยในประเด็นนี้ ส่วนจะเคาะรายชื่อได้เลยหรือไม่ จะเน้นรับฟังความเห็น ส.ส.ต่อนเนื่องจากการสัมมนาพรรคเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.มากกว่า ส่วนการตัดสินใจ จะเกิดขึ้นหลังจากได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลให้เสร็จเสียก่อน และที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเคยมีจุดยืนเรื่องนี้ไปแล้ว และพรรคก้าวไกล ก็ยังไม่ได้มีการคุยต่อ ได้แต่เลื่อนนัดกันไปมา และคิดว่า วันที่ 28 มิ.ย. นี้ ใกล้วันเปิดประชุมสภา จะสรุปร่วมกันได้ ถึงทิศทางว่า ประธาน และ 2 รองประธานสภา จะเป็นอย่างไร หลังจากนั้น ก็เข้าสู่กระบวนการสรรหาอย่างเร่งด่วนของทั้ง 2 พรรค ต้องตกลงกันว่าใครจะอยู่ตรงไหน ส่วนการเสนอรายชื่อในวงพูดคุยนั้น จะรายชื่อเดียว หรือ 2 รายชื่อ ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ ขณะที่ตำแหน่งประธานสภา ก็มีคนเดียว รองประธานมี 2 คน จึงเป็นอีกกรณีหนึ่ง คิดว่าวันพุธนี้ ถ้าคุยกันรู้เรื่อง ตกลงกันได้ พรรคเพื่อไทยก็จะเริ่มสรรหาและเสนอรายชื่อโดยเร็วที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องมีคำที่ชัดเจนให้ประชาชน 

และเมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเตรียมแผนสำรอง กรณีที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ ถ้าหากจำเป็นจริงๆ ประเสริฐ ตอบว่า วันที่ 29 นี้ เป็นวันประชุม 8 พรรคร่วมว่าที่รัฐบาล คิดว่าจะมีการพูดคุยประเด็นนี้ด้วย ว่าสถานการณ์ทางการเมือง หลังเลือกประธานสภาเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกฯ อาจจะต้องมีการคุยกันอย่างรอบคอบและชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนสมาชิกที่สนับสนุน 

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเงินเดินสะพัดซื้อตัว ส.ส.งูเห่าข้ามค่าย กันหลักร้อยล้านนั้น ประเสริฐ ตอบว่า ก็ปรากฎเป็นข่าว แต่คิดว่าครั้งนี้ คงไม่ง่าย เพราะวันนี้ ประชาธิปไตยพัฒนาไปไกลแล้ว การจะกลับมาตั้งรัฐบาลงูเห่า เป็นภาวะถอยหลังและไม่ควรทำ และที่ผ่านมาก็เห็นตัวอย่างใครที่เคยมีข้อกล่าวหาเรื่องงูเห่าเกือบทุกคน ไม่มีใครได้กลับเข้าสภาสักคน จึงอยากให้เป็นข้อพึงระวังว่าไม่ควรทำเพราะมันเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย 

ส่วนที่อนุทิน ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา โดยเปรียบว่า การซื้อ ส.ส. "คนขายเป็นงูเห่า คนซื้อเป็นควาย" นั้น ประเสริฐ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่อนุทินก็สามารถคิดได้ และเพื่อไทยมั่นใจว่า เราไม่เคยมีเรื่องพวกนี้ จึงไม่ได้คิดเรื่องงูเห่า เพียงแต่กำชับให้ ส.ส. ในวันโหวตเลือกประธานสภา หรือแม้แต่วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ให้สมาชิกพร้อมเพียงกัน ห้ามลา ห้ามขาด ถือเป็นวาระสำคัญ ทุกคนต้องจับมือกันอย่างเหนียวแน่น หนึบ 141 ส.ส.เพื่อไทย ต้องอยู่ครบ ในวันเลือกประธานสภา ส่วนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่นั้น ย้ำว่า เรื่องที่มีความสำคัญ การโหวตไปในทิศทางเดียวกัน พรรคเพื่อไทยจะกำหนดแนวทางในการโหวต ก่อนหน้านี้ หลายคนอาจจะคิดเห็นแตกต่าง แต่เมื่อประชุมพรรคในวันพรุ่งนี้เรื่องจะชัดเจนมากขึ้น การโหวตสำคัญอย่างครั้งนี้ พรรคไม่เคยปล่อยให้เป็นฟรีโหวต แม้กระโหวตเลือกประธานสภาจะเป็นการลงคะแนนลับ แค่เราเชื่อใจกัน เมื่อเป็นมติออกไปแล้ว ต้องเชื่อมั่น และมั่นใจใน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 

เมื่อถามห่วงหรือไม่ ว่ามี ส.ส.บางคนงดออกเสียง และขาดประชุม เหมือนสมัยที่ผ่านมา ที่มี ส.ส.ติดเงื่อนไขเรื่องคดี และการเมือง ประเสริฐ ตอบว่า การโหวตครั้งนี้ คือวาระแรก ของการประชุมสภา พรรคจะกำชับสมาชิกทุกคน ให้เดินทางมาประชุม อย่างพร้อมเพรียง ไม่ให้ขาดสักคน เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น จึงไม่กังวล