ผู้ประกอบการราชประสงค์ ประกาศทุ่มงบ 6 หมื่นล้านบาท สร้างเมืองแห่งอนาคต ภายใต้โมเดล Ratchaprasong Bangkok Downtown ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 3 ย่านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชีย
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ร่วมมือกับ 5 กลุ่มธุรกิจในย่านนี้ คือ เซ็นทรัลกรุ๊ป , ไมเนอร์กรุ๊ป , ดิเอราวัณกรุ๊ป , เกษร , พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป เปิดตัวโมเดล ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์ (Ratchaprasong Bangkok Downtown) เพื่อรองรับการแข่งขัน และรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ 4 แสนคนต่อวัน หรือมากกว่า 146 ล้านคนต่อปี
โมเดลนี้ เป็นการวางผังปฏิรูปและพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นย่านเศรษฐกิจที่มีความสมบูรณ์ ทั้งการลงทุนจากผู้ประกอบการในพื้นที่รวม 6 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย เดอะมาร์เก็ต บาย แพลทินัม ตลาดนัดติดแอร์ใจกลางเมืองแห่งแรก งบลงทุน 7,500 ล้านบาท
โครงการอาคารเกษร 2 ออฟฟิศที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย วงเงิน 5,800 ล้านบาท การปรับปรุงศูนย์การค้าเกษร 400 ล้านบาท การปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โครงการที่พักอาศัยแม็กโนเลียและโรงแรม 15,000 ล้านบาท
การปรับปรุงโรงแรมอนันทรา สยาม กรุงเทพฯ หรือ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์เดิม 600 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างทางเดินเชื่อมต่อทั้ง 18 อาคารในย่านราชประสงค์ หรือ Walkable Urbanism ( วอคเอเบิล เออแบนนิสซึ่ม) ด้วยงบประมาณภาคเอกชน 400 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559 ทำให้การเข้าถึงอาคารต่ออาคารในย่านราชประสงค์มีความสะดวกมากขึ้น
โดยคาดว่าทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาใช้บริการภายในย่านได้เพิ่มขึ้น 6-8 แสนคนต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 แสนคนต่อวัน ตั้งเป้าเป็นเมืองแห่งอนาคต หรือ Bangkok Downtown คือ การเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นจุดศูนย์กลางรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ และคอมมูนิตี้แห่งความสุข รวมทั้งการเป็น 1 ใน 3 ย่านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชียภายใน 3 ปี
ปัจจุบัน ย่านราชประสงค์ ประกอบด้วย ศูนย์การค้าใจกลางกรุงฯ 5 ศูนย์การค้า ที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ลักซ์ชัวรี่จนถึงระดับสตรีทแฟชั่น รวมกว่า 650,000 ตารางเมตร โรงแรมหรูระดับ 3 ดาว จนถึงระดับลักซ์ชัวรี่ ที่บริการห้องพักมากกว่า 3,900 ห้อง และลักซ์ชัวรี่เรสซิเดนส์กว่า 382 ยูนิต อาคารสำนักงานทันสมัยใจกลางกรุง 5 อาคาร รวมพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร และพื้นที่จัดประชุมสัมมนา 4 หมื่น 320 ตารางเมตร
ส่วนกำลังซื้อในประเทศที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์การเมืองใกล้ชิด พร้อมกันนี้ เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการดูแลภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสินค้านำเข้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม , รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยค่าเงินบาทควรอยู่ในกรอบ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ