ข่าวดีของคนไทย เมื่อคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และสภากาชาดไทย เปิดตัวงานวิจัยรักษาโรคมะเร็งโดยการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งเป็นวิธีใหม่ เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงการรักษาในราคาที่ถูกลง
อาจารย์ นายแพทย์ ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิธีการรักษาด้วยการบำบัดภูมิคุ้มกัน จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง โดยปกติแล้ว ตามกลไกธรรมชาติ ร่างกายมีเม็ดเลือดขาวที่คอยกำจัดเชื้อโรคหรือเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว แต่เซลล์มะเร็งเองก็มีการต่อต้านการทำงานของเม็ดเลือดขาวเช่นกัน ปัจจุบัน จึงมีการพัฒนายาที่ชื่อว่า 'ยาภูมิต้านมะเร็ง' (Biologics) เพื่อช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่ายกายผู้ป่วยให้กลับมาต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพสูง และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดหรือยามุ่งเป้า
ทั้งนี้ จากการทดลอง 'ยาภูมิต้านมะเร็ง' ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ป่วยที่รักษาไม่หาย และได้ผลเฉลี่ย 20-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นตัวเลขที่น้อย แต่ถ้าเทียบปัจจัยที่ผู้ป่วยลองรักษามาทุกวิธีแล้ว ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงและยังมีความหวัง ปัจจุบันมีการรับรองให้ใช้รักษามะเร็งแล้วกว่า 15 ชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ได้ผลกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และมะเร็งผิวหนังที่ได้ผลกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันงานวิจัยอยู่ในเฟสที่หนึ่ง คือ ผลิตยาแอนติบอดี้ต้นแบบจากหนูทดลอง ซึ่งจะสำเร็จเป็นตัวยาและทดลองใช้ในคนได้ในปี 2566 ส่วนสาเหตุที่ต้องผลิต 'ยาภูมิต้านมะเร็ง' ขึ้นมาเอง เนื่องจากยาที่ใช้สำหรับภูมิคุ้มกันบำบัด ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ การฉีดแต่ละครั้งจึงมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสน 5 หมื่นบาท ถึง 3 แสนบาท และต้องฉีดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี แต่การผลิตดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่ายในการฉีดหลักหมื่นบาทต่อครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงการรักษามากขึ้น
สำหรับคุณผู้ชมที่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อต่อยอดการวิจัยยาต้านมะเร็ง สามารถบริจาคให้กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ ผ่านบัญชีออมทรัพย์คณะแพทยศาสตร์ เลขที่บัญชี 408-004443-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย โดยสามารถนำใบเสร็จไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า