บีทีเอส เตรียมเพิ่มตู้จำหน่ายตั๋วรูปแบบใหม่ที่รองรับการจ่ายด้วยธนบัตรให้ครบทุกสถานีภายในปีนี้ พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นซื้อตั๋วเดินทางผ่านมือถือเพิ่มความสะดวกสบาย หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียล
หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพตู้จำหน่ายบัตรโดยสารแบบใหม่ของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ที่ได้ติดตั้งเครื่องจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสแบบใหม่ มีหน้าจอสัมผัส สามารถรับเหรียญ 2 บาทได้ แต่กลับไม่รองรับธนบัตร จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโชเซียลเป็นจำนวนมาก เพราะแม้ว่าบางสถานีจะมีเครื่องจำหน่ายตั๋วที่รับธนบัตรได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการใช้งาน
จากกรณีนี้ทาง บีทีเอส ได้ชี้แจงว่า ตู้ดังกล่าว เป็นตู้จำหน่ายตั๋วเก่าที่นำมาปรับปรุงใหม่ ส่วนตู้ใส่ธนบัตรก็ยังมีให้บริการอยู่ และภายในปลายปีนี้ บีทีเอสจะดำเนินการเปลี่ยนตู้จำหน่ายตั๋วโดยสารอัตโนมัติทั้งหมดให้เป็นแบบทัชสกรีน เพื่อรองรับรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประมาณ 200 ตู้ และจะติดตั้งตู้จำหน่ายตั๋วที่มีช่องรับธนบัตรเพิ่มอีก 52 ตู้ ตามสถานีต่าง ๆ ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงพฤศจิกายนนี้ (61) พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นการจ่ายเงินซื้อตั๋วผ่านคิวอาร์โค้ด ซื้อตั๋วบนมือถือได้ ซึ่งได้นำร่องกับธนาคารกรุงเทพเป็นแห่งแรก อีกทั้งจะอัพเกรดบัตรแรบบิทเป็น "บัตรแรบบิทพลัส" รองรับระบบอีเอ็มวีของตั๋วร่วมที่จะใช้ในปลายปี 2562 และได้เริ่มเปลี่ยนบัตรโดยสารประเภทเที่ยวเดียว จากบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรสมาร์ตการ์ดชนิดบาง (Thin Card) ที่บางกว่าบัตรแรบบิท หรือบัตรทั่วไป
ปัจจุบัน บีทีเอส มีตู้จำหน่ายตั๋วที่รองรับธนบัตรระจายอยู่ตามสถานีต่าง ๆ รวม 59 ตู้ และจะติดตั้งให้ครบทั้งหมดในปีนี้ อย่างไรก็ตามคนไทยยังนิยมซื้อตั๋วด้วยการหยอดเหรียญถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะยังขาดความเชื่อมโยงของเส้นทางโดยสาร โดยบีทีเอสตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วด้วยการหยอดเหรียญให้เหลือไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 5 ปี