ถ้าพูดถึงบริการ Car-Sharing หรือ การแบ่งปันรถ รวมถึงการเช่ารถ แน่นอนว่าหลายคนจ่ายเงินเพื่อที่จะใช้บริการรถเหล่านี้เพื่อพาพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางให้ได้ แต่ตอนนี้มีหนึ่งเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือ มีจำนวนคนที่เช่ารถมากขึ้น แต่พวกเขาเช่ามาแล้วไม่ได้ขับ ไม่ได้ใช้เป็นพาหนะสำหรับเดินทาง พวกเขาเช่ารถเหล่านี้มาทำอะไร มาพูดคุยกันใน Trend Talk
เป็นที่เรารู้กันดีว่า คนส่วนใหญ่ที่จ่ายเงินในการเช่ารถเพราะพวกเขามีจุดหมายปลายทางในใจ มีวัตถุประสงค์เพื่อการขนส่งหรือคมนาคมระหว่างสถานที่สองที่ แน่นอนว่านั่นคือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการขับรถ แต่ในตอนนี้มีหนึ่งเทรนด์ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น วัตถุประสงค์ของการเช่ารถมา ไม่ใช่เพื่อการเดินทาง ไม่มีการขับรถเกิดขึ้น แต่มันคือการเปลี่ยนพื้นที่ในรถให้กลายเป็นเสมือนรูปแบบพื้นที่ในอาคารที่เน้นความเป็นส่วนตัว
นี่เป็นรายงานจากหนังสือพิมพ์ Asahi ระบุว่ามีการสำรวจพบว่า มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแทนที่พวกเขาจะจองรถ เพื่อเดินทางจากจุด A ถึงจุด B แต่ลูกค้าหลายคนแค่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อให้กลายเป็นพื้นที่สงบหลบหนีจากแรงกดดันในชีวิตประจำวัน โดยการสำรวจครั้งนี้ เริ่มขึ้นเมื่อสองบริษัทรถเช่ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น Orix Auto Corp และ Times24 Co ได้พบว่า รถเช่าของพวกเขาถึงหนึ่งในแปดนั้นไม่ได้เดินทางไปทุกที่หลังจากจองและชำระเงินแล้วเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พวกเขาจึงเริ่มทำแบบสำรวจ
คนเหล่านี้เช่ารถไปทำอะไร .. หลังจากทั้งสองบริษัทเริ่มทำการสำรวจลูกค้า สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ คนกลุ่มนี้เช่ารถเพื่อวัตถุประสงค์ใช้เป็นพื้นที่ทำงานที่เงียบสงบ และพื้นที่ส่วนตัวที่ทันสมัย รวมถึงใช้เป็นพื้นที่สำรับจัดเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขา
ตามรายงานของ หนังสือพิมพ์ Asahi ระบุว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามคนหนึ่งกล่าวว่า เขาเช่ายานพาหนะเพื่องีบหลับหรือบางครั้งก็ใช้เป็นพื้นที่ทำงาน ในขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า เขาเก็บกระเป๋าและของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ไว้ในรถเช่าเมื่อล็อกเกอร์ของตัวเองในที่ทำงานใกล้เต็ม หรือแม้แต่พนักงานชายวัย 31 ปี ของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดไซตะมะ ใกล้กับกรุงโตเกียว กล่าวว่า เขาเช่ารถเพื่อกินอาหารกล่องที่เขาซื้อที่ร้านสะดวกซื้อเพราะเขาไม่สามารถหาที่นั่งสำหรับกินอาหารเหล่านี้ได้ แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่น ไม่นิยมการรับประทานอาหารข้างทาง หรือระหว่างทางเดิน นี่จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหา นอกจากนั้น ยังมีบางคนที่ทำอาชีพพนักงานขายที่ระบุว่า ปกติแล้วสถานที่เดียวที่สามารถงีบหลับระหว่างเดินทางไปพบลูกค้า ก็คือ ไซเบอร์คาเฟ่ที่ด้านหน้าของสถานีรถไฟ แต่การเช่ารถยนต์เพื่อนอนหลับนั้น มีราคาไม่กี่ร้อยเยน ก็ไม่ต่างอะไรกับการนอนในไซเบอร์คาเฟ่ แถมมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเสียด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีผลสำรวจพบว่า หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นและเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 รถเช่าถูกใช้เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือมากขึ้น นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้รถเช่า เพื่อวัตถุประสงค์อื่น นอกจากการเดินทาง
เรื่องของบริการเช่ารถ ถือเป็นเรื่องที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นรวมไปถึงในสหรัฐฯ เอง โดยรถยนต์สามารถเข้าถึงได้ง่าย ค้นหาง่าย มีตัวเลือกเยอะ ทั้งสี รุ่น และสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ลูกค้าสามารถจองรถได้ทั้งเป็นชั่วโมง หรือ เป็นวัน โดยจะเริ่มจากการเช่า 3 ชั่วโมงเป็นต้นไป แล้วเลือกจองผ่านสมาร์ตโฟน รถก็จะมาส่งถึงที่ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 400 เยน ต่อครึ่งชั่วโมง หรือราว 113 บาทต่อครึ่งชั่วโมง และสามารถรับส่งรถได้มากกว่า 12,000 จุดทั่วญี่ปุ่น
สิ่งที่น่าสนใจหลังจากนี้ก็คือ เมื่อเทรนด์ของผู้บริโภคในเรื่องของการเช่ารถเปลี่ยนไป ไม่ใช่มีจุดหมายเพื่อการเดินทางอีก อาจจะเอาไว้ชาร์จแบตโทรศัพท์บ้าง เก็บของบ้าง นอนหลับบ้าง หรือเพื่อทำงานบ้าง บริษัทเช่ารถเหล่านี้จะมีกลยุทธ์ทางการตลาดอะไรที่น่าสนใจเพิ่มหรือไม่ เช่นลดราคาค่าเช่าตามวัตถุประสงค์การใช้งานมากขึ้น หรือจะมีแนวโน้มเพิ่มค่าบริการพิเศษสำหรับบริการเหล่านี้หรือไม่ นี่ยังเป็นคำถามสำหรับธุรกิจนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่เป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง ซึ่งอาจจะเริ่มขึ้นญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่ทราบกันดีว่า ถ้าหากจะมีรถยนต์ ก็ต้องมีพื้นที่สำหรับจอดรถด้วย ดังนั้นธุรกิจรถเช่าจึงเติบโตได้มากกว่า แต่ในอนาคตอีกหลายประเทศที่บริการเหล่านี้มากขึ้น และราคาเข้าถึงได้ กาเช่ารถเพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัวก็อาจมากขึ้นเช่นเกียวกัน และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องอาจต้องลงมาให้ความร่วมมือด้านนี้มากขึ้นทั้งบริษัทผู้ผลิตรถ หรือบริษัทเช่ารถ
