ตำรวจสิงคโปร์ขึ้นป้ายเตือนผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยไม่คิดจะเดินทาง 'เข้าข่ายผิดกฎหมาย' มีบทลงโทษปรับเงินและจำคุก ทั้งยังระบุว่ามีผู้ถูกจับกุมแล้ว 33 รายในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา พร้อมระบุกว่าจะถึงสิ้นปี อาจมีผู้ถูกจับหรือปรับเพิ่มอีก
ท่าอากาศยานนานาชาติชางงีของสิงคโปร์ มักได้รับการยกย่องจากสื่อด้านการท่องเที่ยวหลายแห่งว่าเป็นสนามบินที่ออกแบบได้สวยงาม และมีการบริหารจัดการพื้นที่อย่างดี ช่วยให้นักเดินทางที่ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายและมีประสบการณ์ที่ดี แต่ล่าสุด ตำรวจสิงคโปร์ได้ขึ้นป้ายเตือนผู้ที่ซื้อตั๋วโดยสารเพื่อเข้าไปยังอาคารด้านในโดยไม่คิดจะเดินทาง พร้อมระบุว่า การกระทำแบบนี้ 'ผิดกฎหมาย' หากถูกจับได้อาจถูกจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี และปรับเงินสูงสุด 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนเว็บไซต์ดิอินดีเพนเดนต์ รายงานว่าชายคนหนึ่งถูกจับกุมที่สนามบินชางงีเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเขาซื้อตั๋วเครื่องบินและขอรับบอร์ดดิงพาสเพื่อเข้าไปในอาคารสำหรับผู้โดยสาร เพราะต้องการใช้เวลาอยู่กับภรรยาเพิ่มขึ้นอีกนิด ก่อนที่เธอจะออกเดินทาง แต่ตำรวจสิงคโปร์จับกุมชายคนดังกล่าว พร้อมตั้งข้อหา "ใช้ตั๋วโดยสารผิดวัตถุประสงค์" พร้อมระบุว่าเป็นการละเมิดกฎหมายควบคุมอาคาร
ขณะที่เว็บไซต์ SimpleFlying สื่อเกี่ยวกับการบิน รายงานอ้างอิงข้อมูลของตำรวจสิงคโปร์ ระบุว่า 8 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมด้วยข้อหาใช้ตั๋วโดยสารผิดวัตถุประสงค์ รวม 33 ราย แต่กว่าจะถึงสิ้นปีอาจมีผู้ถูกจับกุมเพิ่ม หรืออาจจะถูกลงโทษทั้งจำคุกและปรับเงิน ถือเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ถูกจับกุมและปรับเงินด้วยข้อหาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว รวม 40 คน
ซิมเพิลฟลายอิงระบุด้วยว่า ผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาใช้ตั๋วโดยสารผิดวัตถุประสงค์ก่อนหน้านี้ มีทั้งหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ที่ซื้อตั๋วเข้าไปในอาคารผู้โดยสารเพื่อติดตามศิลปินบอยแบนด์ของเกาหลีใต้ที่กำลังรอขึ้นเครื่อง ขณะที่คู่รักอีกคู่หนึ่งซื้อตั๋วเข้าไปในสนามบินเพื่อซื้อไอโฟน 7 ในราคาปลอดภาษี ส่วนปีที่แล้วพบชายชาวมาเลเซียรายหนึ่งปลอมบอร์ดดิงพาสและพำนักอยู่ในอาคารต่างๆ ของสนามบินชางงีนานถึง 18 วัน เพื่อใช้สาธารณูปโภคและบริการต่างๆ ของสนามบิน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับได้
การจับกุมและลงโทษผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในกลุ่มผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายแสดงความเห็นท้ายข่าวในเว็บไซต์ซิมเพิลฟลายอิง มองว่าการจับกุมน่าจะเข้าข่ายใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายระบุถึงกรณีของผู้ชายคนล่าสุดที่ซื้อตั๋วเข้าไปส่งภรรยา มองว่าเป็นเรื่องที่ 'โรแมนติก' และไม่น่าจะต้องถูกจับกุมหรือถูกลงโทษร้ายแรง เพราะไม่ใช่เจตนาที่ไม่ดี
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสิงคโปร์ระบุว่า พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารของสนามบินต่างๆ ถือเป็น 'เขตควบคุม' และผู้มีสิทธิเข้าไปในบริเวณนั้นได้ ต้องเป็นผู้ที่ตั้งใจจะเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น เพราะกฎการดูแลและจัดการสนามบินต้องคำนึงถึงการตรวจสอบและควบคุมอย่างเข้มงวด หากปล่อยให้คนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเข้าไปใช้บริการต่างๆ ในอาคารผู้โดยสาร อาจทำให้เกิดความวุ่นวายและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย เพราะการที่ผู้โดยสารไม่ปรากฏตัวบนเครื่องทั้งที่เช็กอินแล้ว อาจทำให้สายการบินต้องตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยบนเครื่องบินอีกครั้ง
ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเพิ่มเติมว่า การที่หลายคนต้องการเข้าไปสนามบินชางงีของสิงคโปร์โดยที่ไม่คิดจะเดินทาง อาจฟังดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับคนจำนวนมาก แต่ถ้าใครเคยมีโอกาสใช้บริการสนามบินชางงีมาก่อน จะเข้าใจว่าภายในสนามบินมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง
สิ่งที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก คือ Jewel Complex แหล่งรวมความบันเทิงภายในอาณาบริเวณของสนามบินชางงี ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายน 2019 เป็นทั้งศูนย์การค้า พื้นที่สันทนาการ ตลอดจนสวนสาธารณะที่มีน้ำตกจำลองสูงกว่า 40 เมตร และพื้นที่สีเขียวกว้างราว 14,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่ราว 3,000 ต้น ไม้พุ่มและไม้ประดับอีกราว 60,000 ต้น