สตาร์บัคส์ประกาศนโยบายใหม่ 'Third Place Policy' ที่เปิดให้ทุกคนสามารถใช้ห้องน้ำและพื้นที่ของร้านได้ แม้ไม่ได้สั่งซื้อสินค้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทถูกโจมตีว่ามีอคติทางเชื้อชาติ จากการที่ไม่ให้ชายผิวสี 2 คนใช้ห้องน้ำในร้านที่สาขาฟิลาเดเฟีย สหรัฐฯ และเรียกตำรวจมาจับกุม
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 พ.ค. 61) สตาร์บัคส์ได้ประกาศนโนบาย 'Third Place Policy' ที่อนุญาตให้ลูกค้าและคนทั่วไปที่ไม่ใช้ซื้อสินค้าภายในร้าน สามารถใช้ห้องน้ำ พื้นที่ภายในร้าน และลานนอกร้านได้ โดยมีข้อแม้ว่าทุกคนต้องรักษามารยาทในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งพนักงานมีสิทธิที่จะแจ้งตำรวจ และจัดการกับผู้ที่เข้ามาก่อกวน หรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ นอกจากนั้น ยังห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ห้องสุขาในทางที่ไม่เหมาะสม ใช้พื้นที่เพื่อนอนหลับ และยังห้ามไม่ให้เปิดเพลงเสียงดัง หรือดูสิ่งที่ไม่เหมาะสมภายในร้านอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ สำนักงานใหญ่ของสตาร์บัคส์ในเมืองซีแอตเทิล ต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในเดือนเมษายน หลังผู้จัดการร้านในสาขาหนึ่งที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โทรเรียกตำรวจมาจับกุมชายผิวสี 2 ราย ที่คนหนึ่งเข้ามานั่งในร้านเพื่อประชุม ส่วนอีกคนเข้ามาขอใช้ห้องน้ำ แต่ทั้งคู่ถูกพนักงานปฏิเสธ เพราะพวกเขาไม่ได้สั่งซื้ออะไรในร้าน โดยพนักงานยังเรียกให้ตำรวจมาจับกุมทั้งคู่ แต่สุดท้ายทั้งสองก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ ซึ่งกรณีนี้ทำให้สตาร์บัคส์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามีอคติทางเชื้อชาติ จนทำให้เกิดการประท้วงในสาขาดังกล่าว
เหตุการณ์นี้ทำให้สตาร์บัคส์ทบทวนการให้บริการ และปรับกฎของร้านให้ปราศจากอคติทางเชื้อชาติมากขึ้น โดยในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ สตาร์บัคส์จะปิดให้บริการ เพื่อจัดอบรมพนักงานกว่า 175,000 คน ใน 8,000 สาขาทั่วสหรัฐฯ ให้เข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติต่อไป
นอกจากนั้น ร้านอาหารและเครื่องดื่มหลายแห่งในสหรัฐฯ ยังปรับนโยบายร้านให้เป็นมิตรต่อคนอย่างเท่าเทียมมากขึ้น ไม่ให้ซ้ำรอยกับสตาร์บัคส์ เช่น โรงแรม Fairmont Pittsburgh ที่จัดฝึกอบรมให้พนักงานใหม่ลดอคติทางเชื้อชาติ และร้าน Big Burrito ซึ่งมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนในหลายเมือง ที่ออกนโยบาย 'Zero tolerance' เพื่อป้องกันไม่ให้มีการล่วงละเมิดทางเพศหรือเหยียดสีผิวในที่ทำงาน