วันที่ 22 มี.ค. เวลา 10.30 น. กลุ่มแอมเนสตี้ ประเทศไทย ที่นำโดย ปิยนุช โคตรสาร ผอ.แอมเนสตี้ฯไทย พร้อมด้วยนักกิจกรรมและภาคประชาชน 20-30 คน จัดกิจกรรมเดินเท้าจากแยกนางเลิ้ง มาทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือ พร้อม 8,517 รายชื่อ เรียกร้องรัฐบาลไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อนักกิจกรรมอื่นๆ อีกทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย โดยได้มี สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เป็นตัวแทนของทำเนียบรัฐบาล ออกมารับหนังสือ บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบฯ

โดยทันทีที่ กลุ่มแอมเนสตี้ฯไทย เดินเท้าถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบฯ ตำรวจได้เลื่อนรั้วเหล็กปิดขวางสะพานชมัยมรุเชฐฯ ถนนพิษณุโลก ช่วงบริเวณข้างทำเนียบตลอดเส้นทาง พร้อมตรึงกำลังบางส่วน เพื่อไม่ให้นักกิจกรรมผ่าน 

ขณะที่ ปิยนุช ผอ.แอมเนสตี้ฯ ประเทศไทย กล่าวว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยและทั่วโลก ได้ติดตามสถานการณ์การใช้สิทธิในเสรีภาพการการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีการเก็บข้อมูลสถาการณ์ ทำการวิจัย สื่อสารต่อภาครัฐ และรณรงค์สาธารณะ ในประเทศ นับตั้งแต่ปี 2563 พบว่า รัฐบาลปราบปรามผู้ที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกเเละการชุมนุมประท้วงโดยสงบและผู้ที่เห็นต่าง จากการดำเนินคดีอย่างน้อย 1,895 คน ในจำนวน 1,180 คดี และทางการปฏิเสธสิทธิ ที่จะได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีต่อบุคคลมากสุดถึง 21 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีผู้ถูกคุมขังทางการเมืองอย่างน้อย 5 คน”

ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ฯไทย ยังระบุอีกว่า สิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวสอดคล้องกับหลักการที่ว่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม คดีของผู้ถูกกล่าวหาทางการเมือง สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมกลับถูกยกเว้นอย่างเป็นระบบ ด้วยการใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เน้นการควบคุมตัวบุคคลเหล่านี้เป็นหลักและการปล่อยชั่วคราวเป็นข้อยกเว้น ซึ่งขัดแย้งต่อพันธกรณีระหว่างประเทศที่รัฐไทยให้สัตยาบันตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งรับรองสิทธิในการปล่อยตัว มิให้ถือเป็นหลักทั่วไปในการควบคุมตัวบุคคลเพื่อรอพิจารณาคดี โดยการที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวต้องเป็นไปตามหลักความจำเป็น หลักการห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งความแตกต่างทางความคิดเห็นทางการเมือง และว่าด้วยสิทธิในความเท่าเทียมกันในการพิจารณาของศาลและคณะตุลาการอย่างเป็นธรรม ซึ่งรับรองหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์เพื่อยับยั้งการตัดสินไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด

ที่ผ่านมาทางการไทย มักตอบโต้กับขบวนการเรียกร้องการปฏิรูปเเละการชุมนุมประท้วงโดยสงบที่นำโดยเยาวชนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทางการยังคงใช้การคุกคามด้วยกระบวนการกฎหมาย การสอดแนมข้อมูล และการคุกคามบุคคลที่แสดงความเห็นต่าง ระหว่างการชุมนุมประท้วงหรือการเเสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ ทางการปฏิเสธไม่ให้บุคคลมีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว ควบคุมตัวพวกเขาโดยพลการ และกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่เกินขอบเขต ที่รวมถึงเงื่อนไขที่ให้มีการกักขังในบ้าน โดยกำหนดให้นักกิจกรรมต้องร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตออกจากบ้านของตนเอง และการจำกัดอย่างกว้างขวางต่อการใช้สิทธิโดยสงบ

ดังนั้น ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทย ดังต่อไปนี้

1. ปล่อยตัว ยกเลิกข้อกล่าวหา และยุติการกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่เข้มงวดเกินกว่าเหตุโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายเพียงเพราะการใช้สิทธิของตน ตลอดจนยกเลิกการดำเนินคดีอาญาทั้งหมด

2. ประกันว่านักกิจกรรมที่อดอาหารประท้วง จะได้รับการคุ้มครองจากการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ อย่างเร่งด่วน และได้รับการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องตามจริยธรรมทางการแพทย์ รวมทั้งหลักการของการเก็บข้อมูลเป็นความลับ การตัดสินใจด้วยตนเอง และการให้ความยินยอมที่ได้รับการบอกกล่าว

3. แจ้งต่อเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ

นอกจากนี้ตัวแทนกลุ่มฯ ยังได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ หากต้องการหาเสียงด้วยการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขอให้ลงมารับหนังสือดังกล่าวด้วยตัวเอง ไม่ใช่ส่งคนอื่นมารับหนังสือแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบ ได้มาตรึงกำลังบริเวณประตู 5 ฝั่งถนนพิษณุโลก และประตู 4 ถนนราชดำเนินกันตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้า