วันที่ 15 ก.ย. ที่อาคารที่ตรวจปล่อยสินค้าและชำระค่าภาษีอากรด่านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าประชุมเพื่อรับฟังปัญหาการค้าระหว่างชายแดน โดยช่วงต้นการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มากันเต็มห้อง บ่งบอกถึงความสำคัญของจังหวัดเชียงราย
ซึ่งเป็นจังหวัดที่สำคัญมากสำหรับจุดทำการค้า เป็นการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ตนก็ได้มาเชียงรายหลาย 10 ปี ช่วงหาเสียงก็ไม่ได้มา แต่พอมาก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากเหนือกว่าที่คิดไว้เยอะ ตนอยากจะทักทายทั้งหมด อยากจะพูดคุยกับหน่วยงานราชการทุกหน่วย เพราะเป็นจังหวัดแรกแรกที่ตนและคณะได้มาเยือนหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
“เชียงรายเป็นจุดการค้าสำคัญที่สุดจุดหนึ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขนถ่ายสินค้าไปในหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว การเกษตร แต่อย่างที่ทราบกันดี เวลามีของดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าหรือการท่องเที่ยว ก็มีแต่ปัญหา ไม่ว่าเป็นเรื่องยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอบายมุขทั้งหลาย ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทางรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ปัญหาสังคมก็เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งตรงนี้เป็นแค่จุดหนึ่งของปัญหา เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น ผู้แทนการค้าจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวรายงานปัญหา ว่าจังหวัดเชียงรายมีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน มีชายแดนเชื่อมโยงไปยังประเทศจีนตอนใต้ ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศตัวเลขการค้าชายแดนสูงขึ้นทุกปี โตขึ้นกับ 30%
สำหรับปัญหาอุปสรรค อยากจะนำเสนอคือ เรื่องการค้าของไทยจีน อยากให้การขนส่งสินค้าทางน้ำระหว่างไทยจีน การขนส่งสินค้าการเกษตร ซึ่งมีเฉพาะทางบก แต่ทางน้ำยังไม่มี หากมีเส้นทางนี้ จะขนส่งสินค้า เช่น ทุเรียน มังคุดไปยังเส้นทางนี้ ช่วยประหยัดเวลา และถูกกว่าการขนส่งผ่านทางท้องถนน ที่สำคัญคือไม่ต้องผ่านประเทศที่สาม คือประเทศลาวและเมียนมา
นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพิจารณาสิทธิพิเศษและสิทธิทางภาษีต่างๆ รวมถึงพิจารณาเรื่องการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว ในช่วงเวลาดังกล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฟังแล้วจับประเด็นได้ 2-3 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องการลงทุนด้านคมนาคม ซึ่งต้องขอความเห็นใจจากภาคเอกชน เพราะรัฐบาลเองก็มีภาระทางด้านการลงทุน ด้านงบประมาณ แต่แน่นอนว่าตรงนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่ที่ท่านเสนอเรื่องการลงทุนกับภาครัฐ ต้องไปดูว่าตรงไหนที่สามารถเริ่มได้เลย
เช่น ถนนไฮเวย์ ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายที่มีอยู่แล้วพอใช้ได้ ก็มองว่าเอาไปลงทุนที่อื่นได้ ตนคิดว่าเรื่องโลจิสติกส์ ภาครัฐเอกชนต้องร่วมกันและตัดสินว่าจะเอาอะไร ไม่ใช่ขอมาทุกอย่าง ยืนยันจริงๆว่าไม่สามารถทำได้ เพราะงบประมาณเท่าที่ฟังก็ดูแล้วเยอะอยู่พอสมควร
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนอยากจะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ด้วยเหมือนกัน เท่าที่ทราบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็อยากผลักดันเป็นวาระแห่งชาติด้วยเช่นกัน
“จู่ๆจะไปห้ามเขาปลูกข้าวโพด ปลูกอย่างอื่น มันมีวิธีเชิงลึกที่ทำได้มากกว่านั้นเยอะ ห้ามเขาเผา ห้ามอย่างไร มีอำนาจไปห้ามเขา เขาอยู่อีกประเทศหนึ่งหรือเปล่า ต้องอาศัยการพูดคุยเจรจาระหว่างประเทศ ต้องพึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ตรงนี้เราตระหนักดี ว่ามีผลกระทบที่ตามมาในช่วงไฮซีซั่น
ในช่วงปีหน้านี้ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ ก็หนักหนาอยู่ นักลงทุนก็ยกเลิกการเมื่อเห็นว่า Top 10 ของโลกที่มี PM 2.5 สูงที่สุดอยู่ในภาคเหนือ เรื่องนี้เป็นอะไรที่โกงกันไม่ได้ แต่ก็หวังว่ารัฐบาลของเราจะร่วมกันของทุกๆหน่วยงานรัฐ ช่วยกันประสานและทำให้ดีขึ้น จะพยายามทำให้ดีขึ้นเร็วๆที่สุด” นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องวีซ่า เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง ทั้งนี้ เราไม่ก้าวก่ายการปกครองภายในของประเทศนั้น เราผลักดันเรื่องการค้าระหว่างชายแดน ที่ท่านบอกมาว่าการค้าระหว่างชายแดน 7-9 หมื่นล้าน ต่อปี ตนเชื่อว่าหากมีการยกระดับขึ้นไปได้อีกน่าจะถูกกว่านี้ได้อีกเยอะ
ในแง่ของการที่เราทำให้คล่องตัวขึ้น ในเรื่องของการขอวีซ่า ทั้งนี้ทั้งนั้น มีเรื่องของความมั่นคงด้วยต้องระมัดระวังให้ดี
“การค้าชายแดนที่นี่มีเรื่องอะไรที่น่าแปลกใจในเชิงบวกเยอะ มีเรื่องอาหารที่ทำจากพืช ซึ่งเป็นการทบทวนระหว่างบริษัทเอกชนกับบริษัท ปตท.จุดขายที่ดีที่สุดยกเว้นกรุงเทพฯคือที่นี่ เพราะมีการค้าระหว่างประเทศ มีคนจากเมียนมา เข้ามาแล้วซื้อออกไปเยอะมาก ผมคิดว่าถ้าสินค้าดีๆ การค้าระหว่างประเทศสูงขึ้นอีกมาก รัฐบาลนี้มีความเชื่อในการผลักดันเศรษฐกิจ ให้โตอย่างยั่งยืนและถาวรผ่านระบบการค้าระหว่างประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว