ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม พรรคเพื่อชาติ จัดโครงการเสวนา “มื้อค่ำเพื่อทางออกประเทศไทย” โดยมี เทวกฤต พรหมมา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวต้อนรับผู้มาร่วมงาน ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ ขึ้นกล่าวถึงยุทธศาสตร์และทิศทางในการขับเคลื่อนพรรค พร้อมย้ำจุดยืนของพรรคเพื่อชาติว่า จะเป็นพรรคการเมืองประชาธิปไตยที่ให้ความสำคัญกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของประเทศ

ด้าน วิโรจน์ อาลี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเมินสถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันว่า ปัจจุบัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงมากเกินไป จนละเลยศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดปัญหาการใช้ทรัพยากรและนโยบายต่างๆ แบบผิดฝาผิดตัว เมื่อทัศนคติเรื่องการแข่งขันหดหายไปในกลุ่มผู้มีอำนาจ กลไกและสถาบันทางการเมืองต่างๆจึงอ่อนแอลง ซึ่งตนมองว่า “ตอนนี้ ประเทศไทยไม่มีเวลาจะมาอยู่กับระบอบคนดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกต่อไปแล้ว”

ด้าน จารุพล เรืองสุวรรณ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ‘ความมั่นคง’ เป็นเรื่องที่ครอบคลุมหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะ เศรษฐศาสตร์ การเมือง หรือ สังคม และมองว่า ภัยคุกคามในอนาคตที่น่าสนใจ คือ ‘ความไม่มั่นคงทางการเมือง’ เมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลงด้วยอัตราเร่ง แล้วรัฐไม่มีความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทัน ก็จะมองเรื่องความมั่นคงแคบเกินไป เพราะว่า “ไม่ยอมปรับตัว และ ไม่มีปัญญาปรับตัว” ความเข้มแข็งของภาคประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประชาชนต้องรู้ว่าจุดยืนของตัวเองอยู่ตรงไหน ขอย้ำว่าทัศนคติของความเป็นนักการเมือง คือการเป็นผู้รับใช้ ไม่ได้อยู่เหนือประชาชน 

ขณะที่ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า บทสนทนาว่าด้วยการปฏิรูปประเทศเป็นสิ่งที่ไม่มีวันจบ ส่วนสาเหตุที่ประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องการปรับตัวนั้น มองว่า มาจาก 1.กฎหมายที่ล้าหลัง 2.ผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ 3.การสร้างขีดความสามารถมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ยังไปไม่ถึงไหน หน้าที่ของรัฐบาลในตอนนี้ คือ ควรให้แต้มต่อกับผู้ที่ด้อยโอกาส แล้วสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้พวกเขามากกว่านี้ หากอยากให้ประเทศเดินหน้า ประชาชนต้องรับผิดชอบด้วยการร่วมกันทำให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง โดยอ้างอิงจากปรากฏการณ์การเลือกตั้งกทม.เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา อันเป็นผลของการทนทุกข์กับระบอบอำนาจเดิมมา 8 ปี ต้องนำส่วนนี้ไปถอดบทเรียนต่อในการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต

ทั้งนี้ วิทยากรทั้งสามเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศไทย คือ พรรคการเมืองต้องเข้าใจบทบาทของตนเอง ว่าต้องเป็นแหล่งรวมอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างหลากหลาย เป็นสถาบันทางการเมืองที่จัดทำและนำเสนอนโยบายโดยให้ความสำคัญกับความต้องการของประชาชน และมีความกล้าที่จะให้ประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งทุกอย่างต้องยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตย