วันที่ 3 ก.ค. เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย คาดว่าการหารือตำแหน่งประธานสภายังมีหวัง และผลจะออกมาที่ทุกฝ่ายพอใจ
เมื่อถามว่า หากตกลงกันไม่ได้ การเสนอตัวกลาง ถือเป็นทางออกใช่หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการเจรจา และทั้งสองฝ่ายยอมรับกันได้หรือไม่ แต่ควรใช้เหตุใช้ผลพูดคุยกัน โดยยึดเป้าหมายเป็นหลัก คือ รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย จะดัน วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เศรษฐา กล่าวว่า ได้ยินข่าวนี้มาเช่นกัน ซึ่งมองว่า เป็นการตกลงร่วมกันระหว่าง 8 พรรคมากกว่า
เมื่อถามว่า วันมูหะมัดนอร์ ถือว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่จะเป็นตัวกลาง หากทั้งสองพรรคตกลงกันไม่ได้ เศรษฐา กล่าวว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะตอนนี้มีการโยนชื่อมาหลายคน และทุกคนก็มีประสบการณ์ จึงไม่เป็นธรรมหากจะให้ตนเองจะตัดสินว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่เชื่อว่า เรามีความพยายามกันทุกฝ่ายเพื่อให้ได้รัฐบาลประชาธิปไตย ต้องทำงานร่วมกันโดยมีเป้าหมายหลัก คือ ทำงานเพื่อประชาชน
“ตำแหน่งนี้มีได้แค่คนเดียว หลายๆ ท่านก็อยู่ในสถานภาพที่ลำบาก หากมาจากพรรคก้าวไกลหรือมาจากพรรคเพื่อไทย หรือมาจากคนกลาง ก็มีคนได้และคนเสียทั้งนั้น จึงอยากจะวิงวอนว่า อันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นการเดินทาง จึงขอวิงวอนว่า ไม่ว่าผลจะออกมาทางไหนก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายยอมกันบ้าง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ”
เมื่อถามว่า หากประธานสภา เป็นของคนกลางจริง ทั้งสองพรรคใหญ่จะเดินหน้าอย่างราบรื่นหรือไม่ เพราะจะแสดงให้เห็นว่า หากเป็นคนนอกจะเป็นเหมือนการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันทั้งสองพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของคะแนนที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ทำให้ ส.ส. พรรคเพื่อไทยหยิบยกประเด็นนี้มา ยอมรับเป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน แต่ควรจะมองที่จุดมุ่งหมายเดียวกัน เอาโจทย์ที่ว่า วันนี้เรามาทำงานเพื่ออะไร เพื่อประชาชนใช่หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ตนเองให้ความสำคัญมาก และจากการที่สัมผัสคณะทำงานของพรรคก้าวไกล แม้จะมีความอาวุโสที่น้อยกว่า แต่เป็นพรรคที่ให้เกียรติ และตนเองก็ชื่นชมการทำงานของเขา หากมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทางบวก เราก็ยังมีความหวัง
เมื่อถามว่า หากวันนี้มติพรรคเพื่อไทยออกมาอย่างไร จะยอมรับได้หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า เราต้องเคารพเสียงในสถาบันที่เราอยู่ และความเห็นส่วนตัวนั้นไม่นับ หากพรรคไหนมีมติอะไรออกมาก็ควรจะทำตามมตินั้นๆ ของพรรค จะไปก้าวล่วงพรรคอื่นคงไม่ได้ ขอวิงวอน เพราะเหลือเวลาอีก 36 ชั่วโมง แต่ดูแล้วจากบรรยากาศแนวทางที่คุยกัน ยังเชื่อว่า ทุกคนอยากให้ฝ่ายเราจับมือกันเดินหน้าต่อไปได้