ไม่พบผลการค้นหา
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องมายังผู้นำของแต่ละชาติในสหภาพยุโรป ในการมอบเครื่องบินรบและอาวุธแก่ยูเครน เพื่อใช้ในการตอบโต้กับการรุกรานของรัสเซีย ในการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งที่สองของเขา นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.ปีก่อน

“เราต้องปรับปรุงพลวัตของความร่วมมือของเรา เราต้องทำให้เร็วกว่าผู้รุกราน” เซเลนสกีกล่าว ก่อนที่ประธานาธิบดียูเครนจะได้รับได้รับเสียงปรบมือในรัฐสภายุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์

ผู้นำสหภาพยุโรปหลายคนได้เน้นย้ำแล้วว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับการมอบเครื่องบินรบให้ยูเครน จะต้องอาศัยการกระทำร่วมกัน โดยผู้นำบางคนพยายามหลีกเลี่ยงการโต้แย้งกันในทางสาธารณะ ในขณะที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์บานปลาย และการใส่ร้ายผ่านโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย 

ทั้งนี้ สำนักประธานาธิบดีรัสเซียออกมาเตือน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ก.พ.) ว่า เส้นแบ่งระหว่างการมีส่วนร่วมทางตรงและทางอ้อมของชาติตะวันตกในความขัดแย้งกำลังค่อยๆ หายไป

เซเลนสกีกล่าวว่า มีการทำข้อตกลงบางอย่างที่เป็นไปในทางบวก แต่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ก่อนที่ในเวลาต่อใส มีไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของสำนักงานประธานาธิบดียูเครน บอกกับสถานีโทรทัศน์ยูเครนว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลและเครื่องบินโจมตีจะถูกจัดหาจากตะวันตกมาให้แก่ยูเครนในปีนี้ แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับการเจรจาก็ตาม 

ปัจจุบันนี้ สหราชอาณาจักรซึ่งถอนตัวออกไปจากสหภาพยุโรปแล้วกล่าวว่า ประเทศของตัวเองยังไม่มีการตัดสินใจในการจัดหาเครื่องบินไอพ่นในระยะยาวแก่ยูเครน แต่สหราชอาณาจักรจะจัดฝึกอบรมนักบินยูเครนบนเครื่องบินที่มีอยู่แล้วในประเทศ

มาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ระบุว่า ประเทศของตัวเองสามารถดำเนินการได้ “ภายในแนวทางของ NATO ทั้งหมด” ในขณะที่ มาร์ค รุตต์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า ปัญหานี้จะต้องหารือกันลับๆ ทั้งนี้ โรแบร์ตา เมตโซลา ประธานรัฐสภายุโรป เรียกร้องให้ประเทศในสหภาพยุโรปพิจารณาคำขอของยูเครนสำหรับเครื่องบินรบไอพ่นโดยเร็ว

ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาในกรุงบรัสเซลส์ เซเลนสกีเชื่อมโยงยูเครนเข้ากับวิถีชีวิตของชาวยุโรปหลายครั้ง ทั้งนี้ ยูเครนได้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และกำลังเรียกร้องให้ผู้นำของกลุ่มทุ่มกำลังเพื่อการเข้าสู่กระบวนการภาคยานุวัติโดยเร็ว ซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลาหลายปี 

“ยูเครนกำลังจะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป” เซเลนสกีบอกกับสมาชิกรัฐสภายุโรป โดยร่วมกับยุโรป ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ชาวยูเครนกำลังปกป้องตัวเองจาก “กองกำลังต่อต้านยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในโลกสมัยใหม่” อย่างรัสเซีย ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวถูกนำมาตอกย้ำ ในการประชุมสุดยอดครั้งต่อมากับผู้นำสหภาพยุโรป ซึ่งเซเลนสกีเน้นว่ายุโรปไม่สามารถเป็นอิสระได้หากไม่มียูเครนที่เป็นอิสระ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดียูเครนเดินทางจากกรุงปารีสพร้อมกันกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งเขาได้พูดคุยกับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีด้วย ทั้งนี้ ก่อนการเดินทางไปเยือนกรุงปารีส เซเลนสกีได้รับคำรับรองจาก ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ว่าไม่มีประเด็นอะไรถูกนำออกไปจากการพูดคุย

เซเลนสกีกล่าวว่าเยอรมนีและฝรั่งเศสมีศักยภาพที่จะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ในสงคราม โดยถ้าหากยูเครนได้รับอาวุธหนักระยะไกลและเครื่องบินสมัยใหม่เร็วเท่าไร “การรุกรานของรัสเซียก็จะยุติเร็วขึ้นเท่านั้น” ประธานาธิบดียูเครนระบุ แม้ว่าก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีมาครงจะส่งสัญญาณว่า มีการเปิดกว้างในการจัดหาเครื่องบินรบ แต่โชลซ์กลับไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนั้น

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสให้คำมั่นว่า ยูเครนสามารถพึ่งพาการสนับสนุนของเขาได้ โดยฝรั่งเศส “ตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยให้ยูเครนได้รับชัยชนะ และสถาปนาสิทธิอันชอบธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่” ในขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวเพิ่มเติมว่า “จุดยืนไม่เปลี่ยนแปลง รัสเซียจะต้องไม่ชนะสงครามครั้งนี้”

เนื่องจากการรุกรานของรัสเซียยาวนานถึง 11 เดือน ประธานาธิบดียูเครนแทบไม่ได้เดินทางออกจากประเทศของตัวเองเลย และเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนกล่าวว่า จุดประสงค์ของการเดินทางของเซเลนสกีคือเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ โดยยูเครนให้เหตุผลว่าเครื่องบินรบและขีปนาวุธพิสัยไกล มีความสำคัญนอกเหนือไปจากรถถัง Leopard 2 ที่ชาติตะวันตกเพิ่งให้คำมั่นว่าจะจัดหาให้ยูเครน ในขณะที่เซเลนสกีกล่าวว่า เขาได้หารือเกี่ยวกับปัญหาเครื่องบินรบในกรุงปารีส และประธานาธิบดียูเครนเตือนว่าเหลือเวลาน้อยมากในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นอย่างมาก

นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า ต้องมีการหารือประเด็นที่ละเอียดอ่อนหลายประเด็น ก่อนที่จะตัดสินใจจัดหาเครื่องบินขับไล่ “ข้อดีและข้อเสีย คุณต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้เข้าร่วมการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง NATO และรัสเซียตามมาตราที่ 5” รุตต์ระบุกับสำนักข่าว BBC

รัสเซียได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกหลายครั้ง ให้ระวังการส่งอาวุธไปแก่ยูเครนนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น โดยรัสเซียมักขู่ว่าตัวเองจะตอบโต้ “การยั่วยุ” ของชาติตะวันตก ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวในกรุงมอสโกถามถึงการถกเถียงที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการส่งเครื่องบินรบไปยังยูเครน โดย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย ตอบว่า รัสเซียเห็นว่าสิ่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนีในความขัดแย้ง

“เราเสียใจในเรื่องนี้ และขอระบุว่าการกระทำดังกล่าวของประเทศเหล่านี้ นำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งนี้ อีกทั้งทำให้มันยืดเยื้อ และทำให้ยูเครนเจ็บปวดและทรมานมากขึ้น” เปสคอฟกล่าว

โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีตกลงที่จะมอบคำอนุญาต ให้มีการส่งมอบรถถัง Leopard ที่ถูกผลิตโดยเยอรมัน ที่ชาติตะวันตกอื่นๆ มีอยู่ไปให้แก่ยูเครน และเตือนไม่ให้มีส่วนร่วมใน “สงครามที่ผูกมัดทางสาธารณะ” ของระบบอาวุธสำหรับยูเครน

ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีได้ปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภาสหราชอาณาจักรในเวสต์มินส์เตอร์ฮอล์ โดยประธานาธิบดียูเครนเน้นย้ำถึงคำร้องของเขาที่มีต่อเครื่องบินรบว่า “เสรีภาพจะชนะ เรารู้ว่ารัสเซียจะแพ้” ในขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรระบุว่า เบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร กำลังดำเนินสืบค้นว่าเครื่องบินลำใดที่สามารถจัดหาให้ยูเครนได้ แต่ทางการยูเครนเน้นย้ำว่ากระบวรการดังกล่าวเป็น “วิธีแก้ปัญหาระยะยาว” และการฝึกนักบินอาจใช้เวลาหลายปี


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-64577375?fbclid=IwAR0nDZUG44Y-DzCYNR1m8ZByLh2agPoDQKFmpPIMucl7vjR-TFNpFH_TQm4