ต่างประเทศ
ไต้หวันหวั่นตกเป็นแพะรับบาปจีน เหตุจีนเล็งไขว้เขวประชาชนขณะประท้วงโควิด
วูออกมาระบุว่า ไต้หวันยืนเคียงข้างผู้ประท้วงในจีน และเรียกร้องขอให้รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ “เคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” จากการประท้วงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานทั่วทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ตลอดช่วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนได้เข้าปราบปรามการประท้วงโดยเร็ว
“เมื่อการดำรงชีวิตของประชาชนถูกจำกัด หรือชีวิตของประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล ผมคิดว่ามันเป็นสิทธิของประชาชนที่จะลุกขึ้นยืนและบอกว่า พวกเขาต้องการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานบางอย่าง” วูระบุกับสำนักข่าว The Guardian ในการสัมภาษณ์พิเศษ
“เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการพูดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจีนจะปฏิบัติตามสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านั้น” อย่างไรก็ดี วูกล่าวว่าไต้หวันได้ “ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด” กับการประท้วงเพื่อดูว่าการชุมนุมจะ “พัฒนาการ” ไปในทิศทางใด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันยังได้แสดง “ข้อกังวลเพิ่มเติม” ว่าการชุมนุมอาจเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งได้
“เรากังวลอยู่เสมอว่ารัฐบาลจีนอาจพยายามสร้างวิกฤตจากภายนอก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจภายในประเทศ” วูกล่าว “เรากังวลว่ารัฐบาลจีนจะพุ่งเป้ามาที่ไต้หวัน และจะกล่าวหาว่าไต้หวันเป็นต้นเหตุของความไม่สงบในจีน” ทั้งนี้ วูกล่าวเสริมว่า “ดูเหมือนว่ารัฐบาล (จีน) จะยินยอมผ่อนปรนมาตรการบางอย่างของตน ดังนั้นในอนาคต เรื่องเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการประท้วงในหมู่ประชาชนชาวจีนมากขึ้น เพราะพวกเขาคิดว่าเมื่อมีเรื่องคับข้องใจครั้งใหญ่ (การประท้วง) น่าจะเป็นวิธีการที่ได้ผลมากที่สุด เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีกระแสการออกมากล่าวถึงไต้หวันว่าเกี่ยวข้องกับการประท้วงในจีน เช่นเดียวกันกับชาติอื่นๆ แม้จะไม่ใช่กระแสที่ถูกปล่อยออกมาจากทางการจีนก็ตาม โดยหนึ่งในผู้ดูแลอาคารที่พักในกวางโจว ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงว่าเกิดขึ้นจาก “พวกปั่นกระแส” ในสหรัฐฯ และไต้หวัน ในขณะที่มีการพูดถึงกระแสว่า ไต้หวันอยู่เบื้องหลังการประท้วงในจีนทั่วประเทศบ้างประปรายบนโซเชียลมีเดียจีน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความพยายามในการปล่อยข้อมูลที่ถูกบิดเบือน ซึ่งเป็นความพยายามหนึ่งของรัฐบาลจีน ในการทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลและสังคมไต้หวัน และความพยายามดังกล่าวของจีนได้สร้างความกังวลให้แก่รัฐบาลไต้หวันมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าการประท้วงในจีนเกิดขึ้นจากกองกำลังต่างชาติ ข้อกล่าวหาดังกล่าวยังถูกล้อเลียนโดยผู้ประท้วงที่เข้าร่วมการชุมนุม โดยคลิปที่มีการแชร์อย่างกว้างขวางเผยให้เห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งตั้งคำถามว่าพวกเขาจะสื่อสารกับกองกำลังต่างชาติได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการอินเทอร์เน็ตของต่างประเทศจากในประเทศจีนได้
รัฐบาลจีนพยายามปกปิดและปราบปรามการประท้วงต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการประท้วงที่ใหญ๋ที่สุด นับตั้งแต่การชุมนุมที่เทียนอันเหมินในปี 2532 ซึ่งถูกกองทัพจีนเข้าปราบปรามด้วยความรุนแรง ทั้งนี้ ทางการจีนตอบสนองด้วยการผ่อนปรนข้อจำกัดคุมการระบาดโควิด-19 สำหรับประชาชนในวงกว้างเพื่อล่อให้การชุมนุมสงบลง ควบคู่ไปกับการปราบปรามของตำรวจต่อผู้ประท้วง และประชาชนที่ใช้ VPN และแอปส่งข้อความที่ผิดกฎหมายจีน
ในปัจจุบันนี้ เมืองใหญ่ๆ ของจีนได้ยกเลิกข้อจำกัด ลดข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อ และรัฐบาลจีนได้ออกมาระบุว่า ความรุนแรงของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนั้นมีลดลง อย่างไรก็ดี มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นในจีน หากจีนเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเดินหน้าการอยู่ร่วมกันกับเชื้อไวรัสเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
The Guardian ถามวูว่า ไต้หวันสามารถให้คำแนะนำอะไรแก่จีนได้บ้าง วูกล่าวว่าการจะผ่านคลื่นลูกแรกนั้น “ไม่ง่าย” โดยเขาสังเกตเห็นอัตราการฉีดวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพของจีน และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตในประเทศของจีนนั้นลดลง “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในความเห็นของผม รัฐบาลจีนกำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก” วูกล่าว แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแนะนำจีนไม่ให้กลับไปล็อกดาวน์อีก “ในแง่หนึ่ง พวกเขาเข้าใจว่าการล็อกดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและประชาชนไม่สะดวก และอาจทำให้คนจีนไม่พอใจ แต่ในทางกลับกัน ถ้าพวกเขาเริ่มการฉีดวัคซีนโดยไม่มีวัคซีนที่เหมาะสม พวกเขาก็จะตกอยู่ในวิกฤตโรคร้ายครั้งใหญ่”
ที่มา:
