เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงอย่างเป็นทางการว่า ผู้ที่เป็นบุคคลข้ามเพศนั้นขาดคุณสมบัติในการเข้ารับตำแหน่งในกองทัพ ยกเว้นภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น

ในประกาศกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวพัฒนามาจากจากการศึกษาของผู้นำอาวุโสและผู้นำพลเรือนซึ่งได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการเข้าดำรงตำแหน่งและการมีอยู่ของกลุ่มคนที่เป็นบุคคลข้ามเพศจะสร้างผลกระทบและความเสี่ยงให้แก่กองทัพสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อปี 2017 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบนทวิตเตอร์ส่วนตัวในเรื่องการห้ามบุคคลข้ามเพศเข้ารับประจำการในกองทัพ โดยทรัมป์กล่าวว่า กองทัพไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ของบุคคลเหล่านี้ได้ รวมไปถึงจะก่อให้เกิดการแบ่งแยกในกองทัพ

นักวิเคราะห์หลายคนโต้ว่า นโยบายที่เลือกปฏิบัตินี้จะทำให้เกิดการแตกแยกในกองทัพที่เป็นการบังคับให้สมาชิกข้ามเพศในกองทัพต้องปกปิดตัวตน และกีดกันการแสดงออกถึงความสามารถของของพวกเขา ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ยังเป็นการยกเลิกนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโอบามาในปี 2016 ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลข้ามเพศสามารถเข้ารับตำแหน่งและงานในกองทัพได้ 

โจชัว บล็อค ทนายความอาวุโสของหน่วยงาน LGBTเสรีภาพพลเรือนอเมริกันและโครงการเฮชไอวี กล่าวว่า "สิ่งที่รัฐบาลประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นบิดเบือนนโยบายใหม่ ซึ่งนโยบายดังกล่าวไม่ได้ตั้งอยู่บนการประเมินในหลักฐานใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับ LGBT และนโยบายดังกล่าวยังเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ควรเปิดกว้างให้กลุ่มบุคคลข้ามเพศแสดงความสามารถและเข้าร่วมเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของกองทัพได้" 

ขณะที่ทางวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรวมถึงจอห์น แมคเคน ซูซาน คอลลิน และออริน ฮัชท์ และนายพลที่เกษียณอายุอีกกว่า 50 คน วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวว่า นโยบายนี้จะส่งผลให้ความพร้อมทางทหารของกองทัพสหรัฐฯลดลง

ที่มา CNN และ The guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ย้อนดูพัฒนาการสิทธิ LGBT ในกองทัพสหรัฐฯ