วันที่ 11 มี.ค. 2567 คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฏร นำโดย รังสิมันต์ โรม มานพ ศีรีภูวดล ปิยรัฐ จงเทพ พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์ จุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม และปทิดา ตันติรัตนานนท์ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน พร้อมประชุมร่วมหน่วยงานในพื้นที่ พุดคุยถึงปัญหา และแนวทางรับมือกับการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ และปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์
รังสิมัตน์ โรม ประธานกมธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมระบุว่า ข้อมูลใหม่ที่ได้รับสำหรับพื้นที่ชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ มีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในด้านของยาเสพติดที่อื่นอาจจะพบว่ามียาบ้า ยาไอซ์ ระบาด แต่ข้อมูลที่ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ตอนนี้กำลังมีการระบาดของยาชนิดใหม่ที่ชื่อว่า Happy Water ซึ่งมีส่วนผสมระหว่าง เมทแอมเฟตามีน และเคตามีน โดยแพร่ระบาดในกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนหนึ่งมีการแพร่กระจายมาจากพื้นที่ชายแดนลาว ที่เรียกกันว่า ’คิงส์โรมัน‘
นอกจากนี้จากการที่ในพื้นที่คิงส์โรมัน มีลักษณะของธุรกิจคาสิโน มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดจำนวนมาก ช่วงที่ผ่านมาจึงมีความพยายามเสนอโปรเจกสร้างสะพานเชื่อมแผ่นดินระหว่างสามประเทศในพื้นที่ คิงส์โรมัน ท่าขี้เหล็ก และเชียงแสนเพื่อให้เดินทางไปมาโดยสะดวก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีการตอบรับจากฝั่งไทย และยังไม่ปรากฎแผนการดำเนินการใดๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และศึกษาต่อไปว่าไทยจะได้ประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
ส่วนประเด็นการค้ามนุษย์ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ชาวไทยตกเป็นเหยื่อนั้น กมธ. ได้รับรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการให้การช่วยเหลืออยู่เรื่อยๆ
ส่วนประเด็นปัญหาเส้นเขตแดน นับว่าตั้งแต่ส่วนที่สัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเป็นต้นมา ยอมรับว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีความอ่อนไหว เนื่องจากร่องน้ำลึกที่เราเคยยอมรับร่วมกันว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนนั้นมีความเป็นไปได้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทั้งจากผลกระทบของการสร้างเขื่อน
และการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างความสัมพันธ์ของสองประเทศ
รังสิมันต์ ยอมรับว่า ประเด็นเรื่องเส้นเขตแดนเป็นประเด็นที่ความท้าทายและละเอียดอ่อน และไทยมีความพยายามในการเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนกับประเทศต่างๆ มาโดยตลอด แต่ไม่ทำสำเร็จในหลายจุด จึงเป็นเรื่องที่จะต้องมีการพูดคุยกันต่อไปและต้องคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเจออุปสรรคต่างๆมากมาย ถ้าคณะกรรมาธิการก็ยังมองว่าเชียงแสนเป็นพื้นที่สำคัญ มีศักยภาพและมีโอกาสทางธุรกิจจำนวนมาก และเป็นจุดเชื่อมสำคัญที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยว และสามเหลี่ยมทองคำไม่ได้โด่งดังเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย แต่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกที่อยากเดินทางมาเห็น“
รังสิมันต์ ย้ำว่า แม้จะเป็นพื้นที่สำคัญที่จะสร้างโอกาสในทางธุรกิจ แต่ก็ต้องมีการพูดคุยกันในหลายหน่วยงานว่าจะมีการพัฒนาชายแดนต่อไปอย่างไร โดยการตั้งคณะอนุกรรมธิการขึ้นมาเพื่อทำการศึกษา ไม่เพียงเฉพาะชายแดนสามเหลี่ยมทองทำ แต่รวมถึงชายแดนอื่นๆ ทั่วประเทศด้วย