พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตมีนบุรี ลงพื้นที่หาเสียงภายในตลาดน้ำขวัญ-เรียม พร้อมกับแจกแผ่นผับใบปลิวซึ่งมีข้อความเป็นนโยบายของพรรคให้กับประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยว และ พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ภายในตลาด ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้บรรยยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นมีประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าให้การต้อนรับและขอถ่ายภาพจำนวนมาก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เสนอศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า การที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าข่ายความผิดที่นำสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ตามที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฎิรูปได้ยื่นหนังสือขอให้ กกต. ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เพราะบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ลาออกจากฐานันดรที่ถูกกล่าวอ้างแล้ว อีกทั้งบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตก็ยังไม่ได้ลงพื้นที่หาเสียงแต่อย่างใด อีกทั้งในข้อหาเป็นปรปักษ์กับระบอบประชาธิปไตยนั้น ในความเห็นส่วนตัว การนำเสนอชื่อบุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ก็ไม่ได้เข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงมองว่า การยุบพรรคไทยรักษาชาติเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยอีกว่า หากพูดถึงข้อหาเป็นปรปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย บุคคลที่เข้าข่ายความผิดน่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐมากกว่า เนื่องจากการเข้ามาบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. เป็นการยึดอำนาจจากบุคคลอื่น อีกทั้งยังมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 และ ได้เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมานั้น เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ ฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการสนับสนุนการเป็นปรปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย จึงเข้าข่ายที่จะถูกยุบพรรคการเมืองมากกว่า

โดยในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะเดินหน้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากอาจเข้าข่ายการเป็นปรปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย เพิ่มเติมจากเดิมก่อนหน้านี้ที่ตนเองได้ยื่นหนังสือขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ จากกรณี ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และ ผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้ง