สมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ถือเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะมีการลงมติ พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคเก็บข้อมูลทำงานอย่างเต็มกำลัง ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้เชื่อว่าประชาชนจะได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ การอภิปรายครั้งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องตอบเพราะพี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีงูเห่าเพิ่มขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีแล้ว เพราะประชาชนคงไม่ยอมแล้ว ที่ไปแล้วก็ไม่ว่ากันส่วนที่ยังอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยที่ตัดสินใจร่วมฝ่ายค้านจะเป็นพลังที่จะช่วยให้ฝ่ายค้านได้คะแนนเพิ่มขึ้นทั้งนี้ส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล หากฟังคำอภิปรายแล้วมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไม่แน่ว่ารัฐบาลจะรอดหรือไม่ เพราะอยู่ที่การอภิปรายของฝ่ายค้าน เชื่อว่าเป็นช่วงปลายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องระวังตัวเอง เพราะต้องไปตอบคำถามประชาชนในสนามเลือกตั้ง ถ้ายังเข้าข้างรัฐบาลอย่างไม่มีเหตุผล พรรคการเมืองนั้นก็เตรียมตัวตายในสนามเลือกตั้ง
สมคิด กล่าวด้วยว่า การอภิปรายจะมุ่งเน้นไปที่ความล้มเหลวของรัฐบาล ที่ผ่านมาทั้งหมด เพราะรับปากประชาชนแล้วทำไม่ได้ นอกจากนี้ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลล้มเหลวไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้เลย อีกทั้งการบริหารประเทศมีความไม่โปร่งใส การทำงานของรัฐบาลให้การช่วย เหลือพรรคพวกมาตลอด ซึ่งอยากให้ประชาชนรอฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน
“นอกจากนี้ไม่ประหลาดในการที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ใช้พื้นที่กองทัพเป็นสถานที่ต่อรองทางการเมือง เพราะทำมาตลอด และที่มาของรัฐบาลมาจากคสช. ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับฝ่ายทหารมากกว่าประชาชน เห็นได้จาก สมาชิกส.ว.ส่วนใหญ่ เป็นทหาร ตำรวจ เป็นข้าราชการเกษียณ ไม่ต่างจากพรรคข้าราชการในสภา หากจะให้ทหารออกจากการเมืองคงยาก ทั้งนี้รัฐบาลสามารถครอบงำเสียงในสภาได้ สามารถสั่งได้ตามใจ ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลพร้อมที่จะตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อเริ่มตั้งต้นกันใหม่ หากไม่แก้ตรงนี้ประเทศเดินหน้าไม่ได้แน่ “สมคิด กล่าว