วันที่ 12 ต.ค. 2565 สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพัทลุง ของพรรคสร้างอนาคตไทย โดยประเมินสถานะทางเศรษฐกิจในปีหน้าว่า ไม่ดีแน่นอน ซึ่งไม่ใช่การคาดคะเน เพราะดูจากนโยบายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำอยู่ขณะนี้ เขามองประเทศตัวเองเป็นสำคัญ โดยการขึ้นดอกเบี้ยแบบนี้เขาอาจจะรอดได้ แต่ประเทศอื่นทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ส่วนจะกระทบมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานะในประเทศที่มี ซึ่งเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม รัฐบาลทุกรัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ ประมาทไม่ได้ จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ถ้าถึงเวลาแล้วไม่มีการเตรียมไว้ ทุกคนจะคิดอะไรไม่ออก ขณะนี้จึงไม่ควรมีความขัดแย้ง ทุกฝ่ายต้องเข้าหากันและหาวิธีการรับมือ
เมื่อถามว่าจะต้องมีการตั้งวอร์รูมเพื่อรองรับปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอยหรือไม่ สมคิด กล่าวว่า รัฐบาลมี ครม. เศรษฐกิจอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถเรียกประชุมได้ทุกเมื่อ โดยต้องเอาคนที่รู้เรื่องและมีความจริงใจ เข้ามาดูแลและประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร พร้อมแนะนำสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรดำเนินการ โดยนายกฯ ก็ต้องอาศัยข้อมูลจากคนอื่น
"เรื่องความจริงใจและข้อเท็จจริงเป็นเรื่องสำคัญมาก มันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดแต่เรื่องเลือกตั้ง เพราะกว่าจะเลือกตั้งก็กลางปีหน้า ขอให้ผ่านไปถึงกลางปีได้ก่อน อย่าให้ประชาชนต้องลำบากถึงขนาดนี้ ซึ่งขณะนี้สถานะข้างนอกประสบความยากลำบากจริงๆ น่าสงสาร คนตัวเล็กกระเจิงหมด" สมคิด กล่าว
สมคิด กล่าวถึงกระแสข่าวการรวมพรรคการเมืองว่า ใครจะรวมกับใครเป็นเรื่องของเขา แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบพรรคสร้างอนาคตไทยยังไม่คิดรวมกับใคร หากแต่อนาคตจะรวมกันต้องอยู่ที่ว่าความคิดอุดมการณ์การเมืองและนโยบายไปด้วยกันหรือไม่ หรือหากรวมแล้วไม่ดีก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
เมื่อถามว่าระหว่าง 2 ส. คือ ส.สมคิด และ ส.สุดารัตน์ (คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย) สามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ สมคิด ระบุว่า ความจริง ส.สมคิด เป็นประธานพรรค ให้ไปถาม อุตตม สาวนายน และคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งต่างก็พูดจาภาษาเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะรวมกันหรือไม่ แล้วแต่เขา แต่จะทำอะไร ก็แล้วแต่นโยบายพรรคมีอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างเคลียร์กันได้ ก็ไปพูดคุยกัน เรื่องอื่นไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่าพูดจาภาษาเดียวกันหมายถึงการเจรจาเรื่องรวมพรรคหรือไม่ สมคิด ปฏิเสธว่ายังไม่ได้มีการพูดคุย และอธิบายว่าพูดภาษาเดียวกันคือให้ดู นโยบายของพรรคสร้างอนาคตไทยว่าเตรียมการในอนาคตอย่างไร ระยะสั้นจะแก้ไขอย่างไรหากคิดตรงกัน หรือแนวคิดในการพัฒนาคล้ายๆ ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่เหมือนกันเลยแล้วบอกรวมกันเพื่อให้มี ส.ส. มากขึ้นก็ไม่รู้จะรวมกันเพื่ออะไร หรือคิดว่าจะมี ส.ส.มากขึ้น แล้วจะได้รัฐมนตรี เพราะหากทำการเมืองแล้วคิดเช่นกันอย่าทำดีกว่า อย่าทำการเมืองดีกว่า ทำให้บ้านเมืองล้มอยู่แล้ว
"การที่คุณจะเอาเงินซื้อม้าไปเข้าคอก คอกไหนมีมากกว่า แล้วก็ได้เป็นรัฐมนตรีมากกว่า การเมืองที่ดีคือแต่ละพรรคนำเสนอนโยบายให้ประชาชน แพ้ชนะอยู่ที่ตรงนั้นดีกว่า แต่ถ้ามาบอกว่าพรรคนี้รวมกับพรรคนี้จาก ส.ส. 20 คน เป็น 40 คน ได้ต่อรองมากขึ้น นั่นผมคิดว่าไม่ใช่พรรคสร้างอนาคตไทย " สมคิดกล่าว
ส่วนที่มีการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคการเมืองจะแบ่งเป็นหลายขั้ว แล้วจุดยืนพรรคสร้างอนาคตไทยอยู่ขั้วการเมืองไหน สมคิด กล่าวว่า ที่ตนตัดสินใจมาทำการเมืองอีกครั้ง เหตุเพราะการแบ่งขั้วคือการทำร้ายประเทศไทย โดยเฉพาะมีการแบ่งขั้วมากว่า 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาเห็นอะไรดีขึ้นหรือไม่ มีแต่คนแบ่งขั้วที่ได้ประโยชน์ มีตัวตน ขณะนี้ประชาชนเป็นอย่างไร หากเราต้องการไปอยู่อีกยุคสมัยสร้างบ้านใหม่ให้ดีขึ้น ควรต้องก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้
"หากมัวปั่นให้ประชาชนโกรธแค้นไม่ลืมอดีต ผมว่าไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์ แต่เป็นการเมืองที่ทำลายประเทศไทย คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล ต้องไม่ใช่คนสร้างความขัดแย้งเสียเอง แต่ต้องเป็นคนสร้างความสมานฉันท์ให้ได้ หากตัวเราเป็นต้นเหตุความขัดแย้ง ไม่มีประโยชน์"
หากวิเคราะห์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่นั้น สมคิด ระบุว่า จะอยู่ต่อหรือไม่ ไม่ใช่ตนบอก แต่อยู่ที่ประชาชนคิดและตัดสินใจเอง และก็อยู่ที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองด้วย ซึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ รู้ทุกอย่าง และท่านก็ต้องใช้เวลาคิดไตรตรองว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างไร ท่านเหมาะสมเพียงไร หากคิดว่าท่านเหมาะสมกับสถานการณ์ข้างหน้าท่านก็อาจสู้ต้อไปไม่มีใครเขาว่า แต่แพ้ชนะเป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนจุดยืนพรรคสร้างอนาคตไทยจะร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่นั้น สมคิด ระบุว่า พรรคสร้างอนาคตไทยได้ประกาศไปแล้ว ว่าอนาคตข้างหน้าเป็นยุคการสร้างความปรองดอง และต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะไม่เช่นนั้นจะสายเกินไป แต่ไม่ได้หมายความว่าใครเป็นรัฐบาลเราก็จะร่วมได้ ถ้านโยบายไม่ดี และมีการแบ่งขั้วแบ่งข้าง สร้างอนาคตไทยจะไปอยู่ขั้วนั้นทำไม มองว่าไร้สาระ
ทั้งนี้ หากการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์จะร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ สมคิด ย้อนถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าแลนด์สไลด์หรือไม่ แต่บอกได้เลยว่าหากพรรคการเมืองไม่ทำจิตใจให้ไร้ขั้ว แล้วไปดูนโยบายแต่ละพรรคเป็นอย่างไร ปัญหาก็จะไม่มีอีกแล้ว หมดยุคแล้วกับวาทกรรม 'ไม่เลือกเรา เขามาแน่' ให้ทิ้งลงถังขยะไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม สมคิด ปฏิเสธที่ตอบคำถามว่า จะสามารถต่อติดกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ก่อนจะตัดบทว่า คำตอบชัดเจนแล้ว