เลขาธิการสหประชาชาติเตรียมลงพื้นที่อีโบลาระบาดด้วยตัวเองในสัปดาห์หน้า ขณะที่ ประเทศมาลีก็ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ครบกำหนด 21 วันแรกแล้ว
นายบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยแผนการที่จะลงพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่าเขาต้องการที่จะเห็นกระบวนการรับมือในแต่ละประเทศด้วยตัวเอง ตลอดจนต้องการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว และกระตุ้นเตือนให้นานาชาติสนับสนุนความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนยิ่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ นายบันคีมุนมีกำหนดที่จะเดินทางเยือนกินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และมาลี ซึ่งสหประชาชาติเป็นหน่วยงานหลักในการกระจายความช่วยเหลือในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีกำหนดที่จะเดินทางไปยังกานา ซึ่งหน่วยงานรับมืออีโบลาฉุกเฉินของสหประชาชาติ หรือ UNMEER มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นั่นด้วย
การเดินทางเยือนกินีของนายบันคีมุนในครั้งนี้จะอยู่ในช่วงครบรอบ 1 ปีของการระบาดในประเทศพอดี และเป็นช่วงที่หน่วยงานภายใต้สหประชาชาติได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่าดำเนินการยับยั้งการระบาดได้ล่าช้ากว่าที่ควรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขโดยตรงอย่างองค์การอนามัยโลก หรือ WHO
นายบันคีมุนระบุในแถลงการณ์ล่าสุดว่า การยับยั้งการระบาดของเชื้ออีโบลาจำเป็นต้องอาศัยทั้งงบประมาณและบุคลากรทางการแพทย์ที่เพียงพอ และในขณะนี้ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์จากความช่วยเหลือที่ทุกฝ่ายส่งไปยังพื้นที่เสี่ยงบ้างแล้ว ซึ่งยังต้องอาศัยเวลาและความมุ่งมั่น เพื่อให้สามารถยับยั้งการระบาดได้อย่างเด็ดขาด
จนถึงขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6,915 ราย จากผู้ติดเชื้อ 18,603 คนแล้ว โดยที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพบอยู่ใน 3 ประเทศระบาดหนัก ขณะที่ มาลีไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ครบ 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเท่ากับครึ่งทางของเกณฑ์การเฝ้าระวัง ก่อนที่จะสามารถประกาศเป็นประเทศปลอดเชื้อในที่สุด