วานนี้ระบบอินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือล่มทั้งระบบ เบื้องต้นยังไม่ยืนยันว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สันนิษฐานว่า อาจจะถูกแฮ็ก หลังจากทางการสหรัฐฯออกมาประกาศว่า จะตอบโต้เกาหลีเหนือกรณีที่แฮ็กข้อมูลบริษัทโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์
สถาบันวิจัย Dyn ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านความมั่นคงในโลกไซเบอร์ของสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบบอินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือล่มทั้งระบบ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมองว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯออกมาประกาศก่อนหน้านี้ ว่าเกาหลีเหนือต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่บริษัทโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ ถูกแฮ็กข้อมูล และนำมาสู่การข่มขู่ห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง The Interview ภาพยนตร์ตลกที่มีกำหนดลงโรงในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลอบสังหารนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน
โดยผู้บริหารของ Dyn Research เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบบอินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือเริ่มไร้เสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะล่มลง ซึ่งการล่มในครั้งนี้ แตกต่างจากทุกครั้ง เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า อย่างไรก็ตาม ทาง Dyn Research ปฏิเสธที่จะระบุถึงสาเหตุที่ทำให้อินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือล่ม โดยได้สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากความล้มเหลวของระบบ หรือเป็นเพราะถูกแฮ็กก็ได้
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯยังไม่ยืนยันว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำที่ทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตของเกาหลีเหนือล่มหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์อย่างเผ็ดร้อน ตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนืออกมาระบุว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการแฮ็กข้อมูลของโซนี่ พิคเจอร์ส และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสหรัฐฯ ในการตามหาตัวแฮ็กเกอร์ดังกล่าว โดยระบุว่า หากเกาหลีเหนือต้องการจะช่วยสหรัฐฯจริง ก็ควรจะจ่ายค่าชดเชยที่โซนี่ พิคเจอร์ส สูญเสียไปทั้งหมด หลังจากถูกแฮ็กข้อมูล
ปัจจุบัน แม้ว่าเกาหลีเหนือจะมีระบบอินเทอร์เน็ตไว้ใช้งาน แต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้ประชาชนได้เข้าถึงแต่อย่างใด ดังนั้น ระบบอินเทอร์เน็ตทั้งหมด จึงมีใช้แค่ในภาครัฐ โดยเป็นการใช้งานผ่านเครือข่ายของ China Netcom ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท China Unicom ในประเทศจีน
โดยก่อนหน้านี้ นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพียงเจ้าเดียวให้กับเกาหลีเหนือ ให้ตัดระบบการให้บริการดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือสามารถแฮ็กข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามได้
ซึ่งเว็บไซต์หลักของทางการเกาหลีเหนือ ที่เปิดใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีชื่อว่า "อูรีมินจกกีรี" ที่เอาไว้ใช้สำหรับการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ และโพสต์ข้อมูลตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯและเกาหลีใต้
ทั้งนี้ สงครามในโลกไซเบอร์ครั้งล่าสุด ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า "The Guardians of Peace" ได้เจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของบริษัทโซนี่ พิคเจอร์ส ก่อนที่จะนำข้อมูลภายใน เช่น ค่าตัวนักแสดง บทสนทนาระหว่างผู้บริหารในอีเมล์ที่โต้ตอบกัน ไปจนถึงบทภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ยังไม่ออกฉายมาเผยแพร่
พร้อมกับข่มขู่ให้โซนี่ พิคเจอร์ส ยุติการฉายภาพยนตร์เรื่อง The Interview โดยระบุว่า หากโซนี่ พิคเจอร์ส ยังคงฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหมือนเมื่อครั้ง 9/11 จนทำให้โซนี่ พิคเจอร์ส ตัดสินใจระงับการฉายภาพยนตร์ดังกล่าวในโรงภาพยนตร์แล้ว