ไม่พบผลการค้นหา
ชาวจีนเที่ยวเชิงแพทย์เพิ่ม-ช่วย รพ.เอกชนไทยเติบโต
Biz Feed - เงินสะพัดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเกือบ 3 หมื่นล้านบาท - Short Clip
CLIP Biz Feed : 5 ธุรกิจสำหรับนักลงทุนยุคมิลเลนเนียล
Biz Feed - หุ่นยนต์จะแย่งงานมนุษย์ 800ล้านตำแหน่งในปี2030 - Short Clip
ไทยเล็งแข่งธุรกิจซ่อมบำรุงเครื่องบินกับสิงคโปร์
สนช. ดัน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เสี่ยงพาคนทั้งประเทศผิดกฎหมาย
Biz insight  : ธุรกิจส่งสินค้าในจีนโตต่อเนื่อง แต่มีปัญหาขยะล้น.
ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประชามติ
นักสิทธิฯ แนะตั้งกองทุนช่วยเหลือเหยื่อเรือประมงไทย
CLIP Biz Feed : 'HijUp' เปิดโลกแฟชั่นหญิงมุสลิม
Biz Feed - คนทำงานรุ่นใหม่เบื่อง่าย เปลี่ยนงานบ่อย - Short Clip
SCG เปิดตัว Fest บรรจุภัณฑ์อาหาร Food Grade รายแรกในไทย
อุบัติเหตุบนท้องถนน เสียหายเท่าจีดีพี6%
CLIP Biz Feed : นโยบายกีดกันการค้าทรัมป์กระทบไทยแค่ไหน?  
กองทุนรวมบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตรายแรกในไทย
แอร์เอเชียสร้างหลักสูตรช่างซ่อมเครื่องบิน
สื่อนอกเตือนนักท่องเที่ยวงดสูบบุหรี่ริมทะเลไทย
สินค้าไทยบุก UAE
LH เปิดตัวกองทรัสต์ลงทุนเทอร์มินอล 21
Nissan Juke ไมเนอร์เชนจ์ เพิ่ม 'อีแซตทอล์ค'
ยูนิเซฟขานรับ พ.ร.บ.คุมโฆษณานมผงไทย
Aug 23, 2017 13:06

กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ  สนับสนุน พระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก หรือ พ.ร.บ.มิลค์โค้ด ที่มีสาระสำคัญ คือการห้ามส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก รวมถึงนมผง โดยยูนิเซฟกล่าวว่า สำหรับไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำที่สุดในเอเชีย กฎหมายดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเป็นการทำให้แน่ใจว่าเด็กทารก จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงแรกของการเติบโต
 
กฎหมายดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 กันยายนนี้ โดยจะห้ามไม่ให้โฆษณานมหรืออาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ตั้งแต่อายุ 0-3 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นการห้ามซื้อหรือห้ามขาย แต่จะเป็นการควบคุมไม่ให้แม่เด็กตกเป็นเหยื่อของโฆษณาสรรพคุณของนมผงเกินจริง เช่น นมผงสามารถทดแทนนมแม่ได้ ลดการส่งเสริมโปรโมชันต่างๆ เช่น แลก แจก หรือ แถม โดยบริษัทผู้ผลิตอาหารเสริมหรือนมผง เพื่อลดการเข้าถึงแม่เด็กอ่อน และยังกำหนดให้ผู้ผลิตหรือนำเข้านมผงหรืออาหารเสริมสำหรับเด็กเล็ก ต้องติดฉลากอาหารสำหรับเด็กทารกหรือเด็กเล็กให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการสับสน ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง   

ด้านตัวแทนของยูนิเซฟระบุว่า วิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ต้องเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องและเข้าถึงง่าย โดยตามฐานข้อมูลของยูนิเซฟ ไทยมีอัตราเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในปี 2016 เพียงแค่ร้อยละ 12.3 ซึ่งถือเป็น 1 ในประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำที่สุดในเอเชีย โดยยูนิเซฟชี้ว่า แม่ชาวไทยยังมีอุปสรรคหลายอย่างในการให้นมแม่แก่ลูก ทั้่้งการตลาดเกี่ยวกับการใช้นมผงเลี้ยงลูก และกฎหมายที่กำหนดระยะเวลาลาคลอดในบริษัทเพียง 3 เดือน โดยยูนิเซฟยังเรียกร้องให้บริษัทต่างๆในไทย จ่ายเงินเดือนให้กับแม่ที่ลาคลอดเต็มอัตรา สนับสนุนชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับแม่ลูกอ่อน และสร้างห้องให้นมลูกในที่ทำงาน  


ด้านแพทย์หญิง ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวมติชน ว่านมผงสามารถทำให้เหมือนนมแม่ได้เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น แต่กลับมีการโฆษณาในลักษณะที่สามารถใช้แทนนมแม่ได้ หรือดีกว่านมแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด เพราะหากเด็กไม่ได้กินนมแม่ อาจจะทำให้ขาดภูมิต้านทาน รวมถึงความรักความอบอุ่นระหว่างแม่สู่ลูกระหว่างการให้นมด้วย 

ตามข้อมูลของยูนิเซฟ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ง่าย เร็ว และประหยัดที่สุดในการทำให้ทารกมีสุขภาพดีโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด โดยวิธีที่ดีที่สุด คือการให้นมลูกทันที ภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอดและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งในไทยมีเด็กแรกเกิดเพียงร้อยละ 46 ที่ได้รับการดูแลด้วยวิธีดังกล่าว 

ขณะเดียวกันรายงานที่ยูนิเซฟ ทำร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า ขณะนี้ไม่มีประเทศใดในโลกลงทุนด้านการสนับสนุนการเข้าถึงวิธีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเพียงพอ โดยใน 5 ประเทศซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ คือ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก และไนจีเรีย การขาดการส่��เสริมด้านดังกล่าวทำให้เด็กเสียชีวิต 236,000 ต่อปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 1 แสน 1 หมื่น 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี


 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog